ลองขับ ตัวขายหัวแถว BMW 520d-530e และ 330Li

ลองขับ ตัวขายหัวแถว BMW 520d-530e และ 330Li

รีวิวรถยนต์ใหม่

ทีมข่าว incarsmagazine

กรุงเทพฯ 19 กุมภาพันธ์

-บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทยนำสื่อมวลชนสัมผัสซีดานหรูใหม่ล่าสุด บีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 5 และซีรี่ส์ 3 Gran Sedan ใหม่ ปราดเปรียวทั้งในสนามแข่งและบนท้องถนน 

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย นำสื่อมวลชนสัมผัสประสบการณ์ยนตรกรรมเหนือระดับจากรถยนต์ ซีดานหรูรุ่นใหม่ล่าสุดถึง 3 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport ร่วมทดสอบสมรรถนะจากขุมพลังดีเซล เบนซิน และปลั๊กอินไฮบริด พร้อมเทคโนโลยีการขับขี่ล้ำสมัยจากบีเอ็มดับเบิลยู โลดแล่นเร้าใจด้วยความเร็วเต็มพิกัดในสนามแข่ง และสัมผัสความคล่องตัวในสภาวะการขับขี่บนท้องถนนจริงเพื่อพิสูจน์ถึงความปราดเปรียวสไตล์ซีดานที่ทรงสมรรถนะอย่างรอบด้าน 

การทดสอบสมรรถนะรถยนต์ครั้งนี้ จัดขึ้นที่สนามปทุมธานี สปีดเวย์ สำหรับรถยนต์ทั้งสามรุ่นเพื่อทดสอบประสิทธิภาพในสนามแข่งผ่านด่านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด่าน Elk Test หรือการทดสอบหักหลบสิ่งกีดขวาง จนถึงด่านทดสอบอื่น ๆ เพื่อลองศักยภาพของระบบช่วงล่างและระบบขับขี่ที่ล้ำสมัยอย่างระบบปรับองศาของล้อหลังเพื่่อการเข้าโค้งหรือเลี้ยว (Integral Active Steering) ในบีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport ใหม่ที่ทำงานตลอดเวลาในทุกย่านความเร็ว ตลอดไปจนถึงการทดสอบระบบควบคุุมความเร็วอัตโนมัติ 

พร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go (Active cruise control with Stop & Go function) ระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Departure Warning) และระบบเตือนกันชนด้านหน้าพร้อมช่วยเบรก (Front Collision Warning) ก่อนโลดแล่นออกสู่ถนนจริงเพื่อสัมผัสถึงประสบการณ์การขับขี่ในชีวิตประจำวัน ซึ่งทั้งบีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 5 ใหม่

และบีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 3 Gran Sedan มาในมิติตัวรถที่ยาวขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า สื่อมวลชนจึงได้พิสูจน์ถึงความคล่องตัวในการขับขี่จากประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ที่ยังคงลดแรงต้านได้อย่างเหนือชั้น อีกทั้งยังสามารถสัมผัสถึงพื้นที่ห้องโดยสารตอนหลังที่กว้างขวางยิ่งขึ้นและความสะดวกสบายมากขึ้นขณะเดินทางในเส้นทางต่าง ๆ  

บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport ราคาจำหน่าย: 3,539,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard) บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sportราคา 3,739,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

  ไฮไลท์อันโดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 เจเนอเรชั่นที่ 7 นี้ สร้างความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าด้วยดีไซน์ภายนอกที่สะดุดตา เส้นสายทรงพลังทั้งบริเวณด้านหน้าและท้ายรถ มาพร้อมกระจังหน้าทรงไตคู่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น 20% ในรูปทรงแปดเหลี่ยมแบบใหม่ ยาวลงมาบรรจบกับกันชนหน้า ล้อมรอบด้วยกรอบที่เชื่อมต่อกันเป็นชิ้นเดียว ส่วนบนของซี่ในกระจังหน้ายื่นออกมาเล็กน้อย สร้างมิติที่สอดรับกับไฟหน้า Adaptive LED รูปตัว L ในดีไซน์เรียวยาว สร้างความดุดันยิ่งขึ้น ช่องดักอากาศแนวตั้งทั้งสองข้างบนกันชนหน้าเสริมความโดดเด่นให้แก่การเล่นเส้นสายของดีไซน์แบบใหม่ เน้นย้ำถึงความสง่างามและทรงพลังกว่าที่เคย

ดีไซน์ด้านท้ายรถสื่อถึงรูปลักษณ์ที่ผสานความสง่างามและล้ำสมัยด้วยเส้นสายที่คมชัดและทรงพลังเช่นเดียวกัน ไฟท้าย LED มาในรูปแบบสามมิติทรงตัว L รับกับไฟหน้า โฉบเฉี่ยวด้วยกรอบสีดำ สร้างความสะดุดตาบนท้องถนน โดยทั้งไฟท้ายและไฟเบรกได้รับการออกแบบมาให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ใหม่มีรูปโฉมที่ไม่ซ้ำใคร เสริมลุคสปอร์ตด้วยท่อไอเสียทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่ท้ายรถทั้งสองด้านซึ่งรวมเป็นส่วนหนึ่งของกันชนท้ายไว้ได้อย่างลงตัว

มิติตัวรถที่ยาวกว่ารุ่นก่อนหน้า 27 มิลลิเมตร ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ใหม่มีความยาว 4,963 มิลลิเมตร แต่ยังคงประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ไว้ได้อย่างเหนือชั้น ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้าน (Cd) เพียง 0.23 มาพร้อมชุดแต่ง M Aerodynamics และล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาลาย Double-spoke ขนาด 18 นิ้ว สำหรับรุ่น 520d M Sport และล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาลาย Y-spoke แบบสลับสี ขนาด 19 นิ้ว สำหรับรุ่น 530e M Sport 

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ใหม่ มอบประสิทธิภาพเต็มพิกัดจากทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในและระบบปลั๊กอินไฮบริด พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ใหม่ล่าสุด โดยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบในบีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport ส่งพละกำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที ส่งให้ตัวรถเคลื่อนจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.5 วินาที สู่ความเร็วสูงสุด 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบที่มอบพละกำลัง 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,500 รอบต่อนาที 

และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ที่ 1,350 – 4,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริด ส่งกำลังรวมสูงสุดถึง 215 กิโลวัตต์ / 292 แรงม้า และแรงบิดรวมสูงสุด 420 นิวตันเมตร และสามารถเพิ่มกำลังส่งในการเร่งความเร็วได้มากยิ่งขึ้นด้วยระบบ XtraBoost ซึ่งปลดปล่อยพละกำลังเสริมมากถึง 40 แรงม้า ภายในเวลาเพียง 10 วินาทีเมื่อขับขี่ในโหมด SPORT จึงสามารถโลดแล่นจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรได้ภายใน 5.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุดที่ 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

โดยสามารถขับขี่แบบไร้มลพิษได้เป็นระยะทาง 52 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่แรงดันสูงความจุ 12.0 กิโลวัตต์ชั่วโมงที่ติดตั้งอยู่ใต้เบาะหลัง นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ใหม่ในระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดทั้งสองรุ่น ยังมีระดับการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยต่ำเพียง 41 กรัมต่อกิโลเมตรตามการอ้างอิงผล ECO Sticker ซึ่งนับว่าต่ำที่สุดในกลุ่มรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดขนาดใหญ่ในประเทศไทย

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ใหม่ยังมาพร้อมการควบคุมที่เฉียบคมและโฉบเฉี่ยวเช่นเดียวกันรุ่นก่อนหน้า ฐานล้อที่ยาวและกว้าง รวมทั้งการออกแบบที่เน้นน้ำหนักเบา และการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ช่วงล่างมาพร้อมเพลาหน้าแบบปีกนกคู่และเพลาหลังแบบ five-link จึงขับขี่ได้อย่างนุ่มสบายทั้งในชีวิตประจำวันและขณะเดินทางไกล รวมถึงในการขับขี่ที่ต้องใช้ความคล่องตัวสูง นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport ยังพกพาระบบปรับองศาของล้อหลังเพื่่อการเข้าโค้งหรือเลี้ยว (Integral Active Steering) ที่มีระยะกว้างกว่ารุ่นก่อนหน้า ส่งล้อหลังมาช่วยเสริมสมรรถนะการเข้าโค้งเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วมากกว่า 3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และยังช่วยเสริมความคล่องตัวขณะเข้าจอด 

โดยบีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport มาพร้อมช่วงล่างแบบ Adaptive ขณะที่รุ่น 520d M Sport มาพร้อมช่วงล่างแบบ M Sport เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ในบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ใหม่ ได้รับการยกระดับให้ล้ำสมัยยิ่งกว่าที่เคย เพื่อช่วยเหลือการขับขี่ในสภาวะที่หลากหลาย พร้อมปูทางสู่เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport และ 530e M Sport มาพร้อมระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant) และฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในสภาวะต่าง ๆ เช่น ระบบควบคุุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go (Active cruise control with Stop & Go function) ในบีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport และระบบควบคุมความเร็วคงที่

พร้อมฟังก์ชันช่วยลดความเร็ว (Cruise Control with braking function) ในบีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport รวมถึงระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่่ (Attentiveness Assistant) ในทั้งสองรุ่น นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยอีกมากมายในทุกรุ่นเพื่อสร้างความอุ่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ เช่น เซนเซอร์ควบคุุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection) ระบบ Active Protection และเซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง (Park Distance Control) และสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport ยังมาพร้อมกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround View Camera) และระบบช่วยนำรถเข้าที่่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus) เพื่อยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกสบายโดยเฉพาะขณะถอยจอดและจอดขนาน

อีกหนึ่งความโดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ใหม่ คือการออกแบบภายในห้องโดยสาร ที่ยังคงเน้นการผสานทั้งความสง่างามและความล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกัน โดยคำนึงถึงผู้ขับขี่เป็นสำคัญ จึงสร้างบรรยากาศที่สมบูรณ์แบบทั้งสำหรับการขับขี่และมอบความสะดวกสบายแม้ขณะเดินทางไกล ตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียมและงานฝีมือสุดประณีตจากช่างผู้เชี่ยวชาญ ปุ่มบริเวณคอนโซลกลางมาในสีดำเงาเพื่อความหรูหรา ตัดกับพวงมาลัยหุ้มหนังมัลติฟังก์ชั่น M Sport พร้อมคอนโซลด้านบนบุด้วยหนัง Sensatec ในรุ่น 520d M Sport และ 530e M Sport ทั้งสองรุ่นมาพร้อมเบาะหนังแท้ Dakota ภายในห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport และ 530e M Sport ตกแต่งด้วยอลูมิเนียมลาย Rhombicle Smoke Grey พร้อมแถบโครเมี่่ยม 

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ใหม่ ยังได้รับการพัฒนาในด้านระบบความบันเทิงและการสื่อสารให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยบีเอ็มดับเบิลยูมาพร้อมจอ BMW Head-up Display และระบบ BMW Live Cockpit Professional แสดงผลบนจอ Control Display ขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานบนระบบปฎิบัติการใหม่ล่าสุด BMW Operating System 7 ที่ปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้น และยังมาพร้อมระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System) ที่รองรับ BMW Digital Key ซึ่งเปลี่ยนให้ iPhone กลายเป็นเหมือนกุญแจรถ สามารถล็อกและปลดล็อกรถได้โดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายระยะสั้นแบบ NFC (Near Field Communication) โดยรองรับผู้ใช้ได้สูงสุดถึง 5 คน นอกจากนี้ ผู้ขับขี่สามารถเลือกควบคุมระบบการทำงานของรถยนต์ ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร ระบบการเชื่อมต่อ และระบบนำทางได้ผ่านทางจอ Control Display ระบบสัมผัส ระบบ iDrive ปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชั่นบนพวงมาลัย ระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่าน BMW Intelligent Personal Assistant และ BMW gesture control

บีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sportราคาจำหน่าย: 2,899,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 หนึ่งในรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในทัพยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยู มาสร้างความตื่นตาตื่นใจอีกครั้งด้วย บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 Gran Sedan กับครั้งแรกของรุ่นฐานล้อยาวในประเทศไทยด้วย บีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport ใหม่ ที่ยังคงลุคสปอร์ตโฉบเฉี่ยวและสมรรถนะที่เฉียบคมไว้เช่นเคยแต่เสริมความโอ่อ่าสะดวกสบายยิ่งขึ้นสำหรับผู้โดยสารด้วยฐานล้อที่ยาวขึ้นกว่ารุ่นปกติถึง 110 มิลลิเมตร ส่งให้ตัวรถมีมิติความยาวรวม 4,819 มิลลิเมตร ความกว้างยังคงเดิมที่ 1,827 มิลลิเมตร ขณะที่ความสูงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 1,441 มิลลิเมตร ความยาว 110 มิลลิเมตรที่เพิ่มขึ้นบริเวณประตูหลัง ช่วยให้ผู้โดยสารเบาะหลังเข้า-ออกจากรถได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ทั้งยังสบายกว่าขณะเดินทางด้วยพื้นที่ห้องโดยสารแถวหลังที่ยาวขึ้นอีก 43 มิลลิเมตร

ดีไซน์ภายนอกของบีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport ใหม่ ยังคงสื่อถึงความเป็นที่สุดแห่งยนตรกรรม หรือ “Ultimate Driving Machine” ด้วยเอกลักษณ์ดีไซน์ที่ทันสมัย สมรรถนะที่ปราดเปรียว ประสิทธิภาพการขับขี่เหนือระดับ รวมถึงเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ล้ำยุค ซึ่งรวมเป็นเอกลักษณ์แก่นแท้ของบีเอ็มดับเบิลยู และยังมาพร้อมองค์ประกอบเฉพาะตัวที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ขึ้นล้อมรอบด้วยกรอบที่เชื่อมต่อกันเป็นชิ้นเดียว รับกับไฟหน้า LED ทรงเรียวยาวด้านข้างของตัวรถโดดเด่นด้วยกรอบหน้าต่างดีไซน์แบบ Hofmeister Kink อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่ได้รับการออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียวกับเสา C-pillar มอบมิติไร้ขอบหรูหรายิ่งขึ้น พร้อมด้วยกรอบไฟท้ายดีไซน์ใหม่ที่เพรียวบางยิ่งขึ้น กับไฟ LED ทรงตัว L และท่อไอเสียแบบคู่ ล้วนเสริมให้ท้ายรถดูกว้างและสปอร์ตกว่าเดิม

บีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ส่งกำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์ / 258 แรงม้าที่ 5,000 – 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,550 – 4,400 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.2 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Sport Steptronic 8 จังหวะ และรองรับระบบ Driving Experience Control ที่มีรูปแบบการขับขี่ให้เลือกทั้งในโหมด COMFORT, SPORT และ ECO PRO นอกจากนี้ ตัวรถยังมาพร้อมกับล้ออัลลอย M ขนาด 18 นิ้ว ลาย Double-spoke แบบสลับสี สอดรับกับขอบหน้าต่าง ช่องดักอากาศ และซี่บริเวณกระจังหน้าไตคู่สีดำเงา ภายในโฉบเฉี่ยวด้วยพวงมาลัย M Sport คอนโซลด้านบนบุด้วยหนัง Sensatec และตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมลาย Tetragon

เพื่อสร้างความอุ่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ บีเอ็มดับเบิลยูใหม่ ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยนำเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus) เซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง และระบบ BMW Head-up display พร้อมระบบการเชื่อมต่อเต็มรูปแบบผ่านระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 7.0 ซึ่งเสริมประสิทธิภาพให้แก่ระบบ BMW Intelligent Personal Assistant และ Live Cockpit Professional นอกจากนี้ BMW ConnectedDrive ยังมอบทางเลือกมากมายในการเชื่อมต่อและควบคุมระบบในตัวรถ รวมถึงการใช้ BMW Gesture Control ระบบสั่งงานด้วยเสียง ปุ่ม iDrive และจอแสดงผล Control Display ขนาด 10.25 นิ้ว

BMW Media Drive 2021 GALLERY