รีวิวทดลองขับ BMW 218i Gran Coupe, X5 xDrive45e, 330e M Sport

รีวิวทดลองขับ BMW 218i Gran Coupe, X5 xDrive45e, 330e M Sport

รีวิวรถยนต์ใหม่

เตมีย์ ลิ้มตระกูล

กรุงเทพฯ 25 มิถุนายน 2563

มีความกระตือรือร้นไม่น้อยที่ได้รับหมายเชิญจากบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย นำผมในฐานะสื่อมวลชนไปเปิดประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ BMW รุ่นล่าสุดหลากสไตล์ ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport  บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport  และบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport ซึ่งนอกเหนือที่จะได้สัมผัสสมรรถนะปราดเปรียวจากรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดถึงสองรุ่น แล้วยังไปทดสอบ ความคล่องตัวสไตล์ซีดาน รวมทั้งท้าทายประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนและระบบช่วงล่างตามแบบฉบับ Sports Activity Vehicle (SAV) บนพื้นผิวต่าง ๆ ณ สนามเอ็นดูโร พาร์ค จังหวัดชลบุรี แต่ที่นอกเหนือไปกว่านั้นคือการได้หลุดออกจากออฟฟิศเพื่อไปทดสองขับรถทดสอบแบบจริงจัง ครั้งแรกในรอบหลายเดือน

บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport

กิจกรรม เริ่มตั้งแต่เช้าที่ฐานบัญชาการของบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ณ ตึกออลซีซั่นถนนวิทยุ ผมสตาร์จ 1 ใน 3 บีเอ็มดับเบิลยู ที่จะได้ขับวันนี้คือ บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ออกจากตึกออลซีซั่นฯแบบตัวใครตัวมัน ฟรีรันกันไปร้อยกว่ากิโลเมตร กับน้องเล็กเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร และเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานควบคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ Steptronic แบบคลัทช์คู่ ด้านเครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า / 103 กิโลวัตต์ มอบแรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ที่ 1,480-4,200 รอบต่อนาที ส่งพลังให้เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 8.7 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

ในช่วงเวลาที่คอนโทรลพวงมาลัยก้านลาย M Sport มันมีอารมณ์สนุกยิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่รอบเครื่องยนต์กวาดไปวิ่งสวิงมาบนโหมดสปอร์ต และด้วยความจี๊ดจ๊าดอีกทั้งยังเป็นน้องเล็กของค่าย จึงไม่แปลกใจเลยที่จะเห็นเพื่อนร่วมทางแวะเวียนมาทักทายไปด้วยตลอดทาง ไม่ว่าจะ 1.200-1000 เทอร์โบ หรือบางช่วงบางจังหวะปะฉะกับ 1800 ก็มี หลังจากหนำใจเกมส์จบต่างคนก็ต่างแยกย้าย “ยอมรับครับว่าความเร็วมันอยู่ที่ใจ แต่ความปลอดภัยมันอยู่ที่รถครับ” สมรรถนะเครื่องยนต์ส่งผลกับอัตราเร่ง คือสิ่งจะเป็นบนท้องถนน ใช่ครับมีเอาไว้เพื่อความปลอดภัยไม่ใช้เอาไว้ขู่ใคร?

บีเอ็มดับเบิลยู นอกจากจะผลิตรถยนต์ที่ขับมันขับสนุกแล้วทีมผู้สร้างยังต้องการให้ คนที่เลือกซื้อรถยนต์ BMW เกือบ100% เป็นคนที่ชื่นชอบการขับรถและหลงไหลในการที่จะได้ใช้รถยนต์อย่างเต็มสมรรถนะ ได้พละกำลังเครื่องยนต์อย่างเต็มประสิทธิภาพที่ทีมวิศวกรกรออกแบบสร้างรถยนต์ BMW คันนั้นขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ทาง BMW จึงมีนโยบายให้ลูกค้าของพวกเขาได้รับการเทรนนิ่งที่ดีเพื่อจะทำให้ลูกค้า BMW ได้เข้าถึงเทคนิคตลอดจนเทคโนโลยีต่างๆของรถยนต์BMWได้เต็มที่ ซึ่งนอกจากจะทำให้ลูกค้ามีความชำนาญมากขึ้นแล้วยังส่งผลถึงเรื่องความปลอดภัยมากขึ้นเวลาที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ขับขันบนท้องถนนอีกด้วย สิ่งเหล่านี้คือเจตนาของ BMW ที่จัดโปรแกรม BMW Driving Experience นี้ขึ้น ซึ่งโปรแกรมนี้ BMW จัดให้ลูกค้าของพวกเขาทั่วโลก”

ผมใช้เวลาจากเกมส์ที่เล่ามาข้างต้นจนได้เรียกใช้สมรรถนะและความสดวกปลอดภัยที่มีใน บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport จนเกือบครบไม่ว่าจะเป็นภายในห้องโดยสารผสมผสานความหรูหราด้วยวัสดุเนียนนุ่มหุ้มประณีตและพื้นที่ใช้สอยที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทั้งไลฟ์สไตล์ครอบครัวและการเดินทางระยะยาว ส่วนภายในห้องโดยสารฝั่งคนขับ ตรวจจับส่งมอบข้อมูลสำคัญในการขับขี่ให้ผู้ขับโดยไม่ต้องละสายตาจากถนนด้วยหน้าจอ และแผงหน้าปัด Instrument Cluster ขนาด 5.1 นิ้ว รวมไปถึงจอสัมผัส Control Display ขนาด 8.8 นิ้ว ที่ตั้งอยู่กลางคอนโซลทำมุมเข้าหาคนขับเล็กน้อยตามแบบฉบับของบีเอ็มดับเบิลยู นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport พร้อมกับระบบ Parking Assistant ช่วยถอยหลังเข้าช่องจอด 90 องศาหรือจอดแบบขนานอัตโนมัติ พร้อมกล้องมองหลัง 

รวมถึงการออกแบบที่เน้นผู้ขับยังถูกเสริมด้วยแถบสีที่พาดผ่านตรงเข้าสู่ที่นั่งคนขับและรายละเอียด graining effects แบบต่างๆ รวมไปถึงพื้นผิวที่หลากหลายของแผงหน้าปัดและบริเวณหลังพวงมาลัย โดยแถบสีบริเวณแผงหน้าปัดและกรอบประตูมาในลาย ‘Illuminated Boston’ ด้านพวงมาลัย M Sport และเบาะที่นั่งตอนหน้าดีไซน์สปอร์ตหุ้มหนังแท้ Dakota พร้อมรูระบายอากาศส่งให้ บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวขึ้นอีกขั้น บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport คันนี้ประกอบภายในประเทศ ทำให้สามารถตั้งราคา ราคาจำหน่ายได้ที่ 2,799,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard) รายงานจบผมมาถึง สนามเอ็นดูโร พาร์ค จังหวัดชลบุรี ในช่วงสายของวัน

บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport

ณ สนามเอ็นดูโร พาร์ค จังหวัดชลบุรี แห่งนี้ ผมจะได้สัมผัสและทดลองขับบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport ที่คนของบีเอ็มดับเบิลยู บอกว่า X5 xDrive45e M Sport คันนี้มีดีแยกแปลกออกมาจาก SUV ที่มีจำหน่ายในตลาด ดังนั้นจึงเชิญผมมาที่ สนามเอ็นดูโร พาร์ค แห่งนี้เพื่อทดสอบความคล่องแคล่วลงตัวสไตล์ซีดาน รวมทั้งท้าทายประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนและระบบช่วงล่างตามแบบฉบับ Sports Activity Vehicle (SAV) บนสภาพพื้นผิวเส้นทางต่าง ๆ ผ่านระบบช่วงล่างถุงลมถุงลมที่สามารถปรับระดับอัตโนมัติทั้งในแบบออฟโรดและออนโรด และระบบขับเคลื่อน4 ล้อ xDrive ที่สามารถเลือกโหมดรูปแบบการขับขี่ได้หลากหลาย

บีเอ็มดับเบิลยู บอกว่า X5 xDrive45e M Sport รุ่นนี้นับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 4 ของบีเอ็มดับเบิลยู X5 ในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริดผสานขุมพลังการขับเคลื่อนระบบไฟฟ้าเข้ากับความคล่องตัวในแบบฉบับรถยนต์ Sports Activity Vehicle (SAV) ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport ใหม่ มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 43.5 กิโลเมตรต่อลิตร ตาม ECO Sticker โดยเมื่อขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว จะสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากเดิมสูงสุดที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ไกลสูงสุด 67-87 กิโลเมตรตามมาตรฐานการทดสอบ WLTP ของยุโรป

บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร TwinPower Turbo ที่มอบพลังถึง 210 กิโลวัตต์ / 286 แรงม้า ควบคู่ไปกับความปราดเปรียวที่ได้จากเทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยูEfficientDynamics และเจเนอเรชั่นที่ 4 ของเทคโนโลยี บีเอ็มดับเบิลยู eDrive สุดล้ำ มอเตอร์ไฟฟ้าส่งกำลังสูงสุดที่ 83 กิโลวัตต์ / 113 แรงม้า ตัวแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจุพลังงานไฟฟ้าได้กว่า 24 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยระบบไฟฟ้าทั้งหมดได้รับการพัฒนามาเพื่อให้มีการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้ระบบปลั๊กอินไฮบริดของบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport ประหยัดพลังงานและเชื้อเพลิงสูงสุด

เมื่อมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ทำงานร่วมกัน จะมอบพละกำลังสูงสุดที่ 290 กิโลวัตต์ / 394 แรงม้า พร้อมแรงบิด 600 นิวตันเมตร ส่งกำลังโดยตรงไปที่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic เจเนอเรชั่นล่าสุดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ที่มอบสมรรถนะบนถนนในสไตล์สปอร์ต พร้อมกับสมรรถนะแบบออฟโรดที่เหนือชั้น ให้อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรภายใน 5.6 วินาที ทำความเร็วได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้ากว่า 1.2 วินาที ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport มาพร้อมช่วงล่างแบบถุงลมที่สามารถปรับระดับอัตโนมัติและระบบควบคุมความนุ่มนวลโช้กอัพแบบแปรผัน นอกเหนือไปจากระบบการเชื่อมต่อครบวงจร ยังติดตั้งบริการดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่สอดรับกับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ยังได้รับการพัฒนามาเพื่อให้เข้ากับรถยนต์ในสไตล์ SAV เพื่อยกระดับความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่เหนือชั้นให้แก่ผู้ขับขี่ นอกจากนี้ระบบ Parking Assistant Plus ที่มาพร้อมกับระบบช่วยถอยรถในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ตัวรถสามารถจดจำทิศทางที่ขับตรงไปข้างหน้าในระยะ 50 เมตรสุดท้าย ด้วยความเร็วไม่เกิน 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ และสามารถถอยออกในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ 

นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport  ยังมีฟังก์ชั่น Parking Assistant Plus ทีมีกล้องมองรอบทิศทาง Surround View Camera รวมทั้งวิวด้านบน วิวพาโนรามิค และรีโมท 3D วิวที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อเพื่อดูภาพของรถที่จอดทางโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้ ผ่านระบบ BMW Connected Drive ในส่วนของระบบความบันเทิงและการสื่อสาร บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport ใหม่ มาพร้อมระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon ที่ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ที่วางแก้วบริเวณคอนโซลกลาง พร้อมฟังก์ชันควบคุมอุณหภูมิ และระบบสั่งงาน iDrive ด้วยการเคลื่อนไหวมือ (BMW Gesture Control) บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport ใหม่ มีให้เลือกใน 4 สีด้วยกัน ได้แก่สีดำ Black Sapphire สีขาว Mineral White สีน้ำเงิน Phytonic Blue และสีเทา Arctic Grey Brilliant Effect และชุดตกแต่ง M Sport 

ผมสนุกอยู่กับ บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport ในไร่มันกันว่า 1 ชั่วโมง บนสภาพเส้นทางหลากหลายได้ลองใช้ฟังก์ชั่นตลอดจนโหมดการทำงานของระบบต่างๆแบบสนุกแต่ก็แอบสงสารรถอยู่ไม่น้อย แต่สุดท้ายก็รับรู้ได้ว่าแม้ในยามปกติคงไม่มีเจ้าของรถคนไหนเอาไปลงลุยแบบนี้ แต่ก็ให้ได้รู้ไว้ว่า บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport มีระบบไว้ลุยได้แม้ไม่ได้ใช้ก็อุ่นใจ เมื่อส่ง บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport กลับเข้าสถานีเรียบร้อย เมื่อเซย์กู๊ดบาย ทั้งรถบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport ใหม่ ที่มีราคาจำหน่าย: 4,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard) อินสตั๊กเตอร์ และทีมงาน บีเอ็มดับเบิลยู  ผมจะออกจาก สนามเอ็นดูโร พาร์ค จังหวัดชลบุรี ด้วย บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ที่นี้ล่ะจะดูสิว่าจะมีใครมาตอแยอีกหรือไม่?

บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport

ผมและ บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport (ประกอบภายในประเทศ) ราคา ค่าตัว 2,799,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard) ออกจาก สนามเอ็นดูโร พาร์ค กลับรถเข้าถนนมอเตอร์เวย์ ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 เมื่อการจราจรเริ่มคล่องตัว ผมเริ่มสำรวจตรวจสอบ รื้อค้นตัวตนเจ้าบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ที่สืบทอดรูปโฉมปราดเปรียวของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ด้วยเส้นสายที่คมชัด ด้านหน้าเด่นโดดด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ในกรอบที่เชื่อมกับไฟหน้าคู่ LED ทรงเรียวยาว ส่งเสริมรูปลักษณ์ความสง่าแบบรถสปอร์ตให้โดดเด่นด้วยดีไซน์แบบ Hofmeister Kink อันเป็นเอกลักษณ์ด้วยกรอบหน้าต่างที่ได้รับการออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียวกับเสา C-pillar พร้อมด้วยไฟท้ายดีไซน์ใหม่เรียวยิ่งขึ้นในรูปทรง L แนวนอนสีหม่นแบบสามมิติ และท่อไอเสียแบบคู่ให้ท้ายรถดูกว้างและสปอร์ตกว่าเดิม

ทั้งยังยกระดับการขับเคลื่อนอันน่าประทับใจของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ซีดาน ให้ก้าวหน้าไปอีกขั้นด้วย XtraBoost ฟังก์ชั่นใหม่ที่จะเผยสมรรถนะสูงสุดที่ทรงพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร มาพร้อมกับเทคโนโลยี TwinPower Turbo และมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 215 กิโลวัตต์ / 292 แรงม้า และสามารถเพิ่มกำลังส่งในการเร่งความเร็วได้มากยิ่งขึ้นในโหมด SPORT เพียงเหยียบคันเร่งเพื่อกระตุ้นการทำงานของ XtraBoost และปลดปล่อยพละกำลังเสริมมากถึง 30 กิโลวัตต์ / 40 แรงม้า ภายในเวลาเพียง 10 วินาที ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ใหม่ มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 5.9 วินาที ต่อเนื่องไปจนถึงความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม.

ในโหมดการขับขี่แบบ HYBRID ของบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ใหม่ สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 110 กม./ชม. ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้า 30 กม./ชม. โดยใช้เพียงพลังงานไฟฟ้าก่อนสลับไปเป็นการใช้พลังงานเครื่องยนต์ ขณะเดียวกันในโหมด ELECTRIC ซึ่งเป็นโหมดการขับขี่แบบไร้มลพิษ สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กม./ชม. มากกว่ารุ่นเดิมที่ทำได้ 120 กม./ชม. บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ยังได้ปรับปรุงอัตราการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าปลอดมลพิษให้มากกว่ารุ่นก่อน 50 เปอร์เซ็นต์ ในระยะทาง ขับขี่สูงสุดที่  55-68 กิโลเมตร ในขณะเดียวกันยังลดการใช้อัตราการสิ้นเปลืองและการปล่อยมลพิษในโหมดขับขี่อื่น ๆ ได้มากกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ ระบบสร้างเสียงจำลองเพื่อให้ผู้ใช้ทางเท้าได้ยินจะถูกเปิดใช้ในขณะขับขี่ด้วยระบบพลังงานไฟฟ้าเพื่อส่งเสียงเตือนผู้ใช้ทางเท้าผ่านระบบลำโพงติดตั้งภายนอก

บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ล้ำสมัย เช่น ระบบ Parking Assistant Plus ที่มาพร้อมกับระบบช่วยถอยรถในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ตัวรถสามารถจดจำทิศทางที่ขับตรงไปข้างหน้าในระยะ 50 เมตรสุดท้าย ด้วยความเร็วไม่เกิน 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ และสามารถถอยออกในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ ทั้งนี้ Parking Assistant Plus มาพร้อมกับกล้องมองรอบทิศทาง Surround View Camera รวมทั้งวิวด้านบน วิวพาโนรามิค และรีโมท 3D วิวที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อเพื่อดูภาพของรถที่จอดทางโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้ ผ่านระบบ BMW ConnectedDrive

ในส่วนของการออกแบบสไตล์ M Sport ของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 เสริมความโดดเด่นคล่องแคล่วบนท้องถนนด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics ทั้งในส่วนด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลังของรถยนต์ กระจังหน้าทรงไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูได้ถูกออกแบบเป็นพิเศษบริเวณซี่กระจังหน้าไตคู่สีดำเงาและขอบช่องดักอากาศแบบสี Chrome เพิ่มความโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นด้วยช่วงล่าง Adaptive M มาพร้อมระบบพวงมาลัยไฟฟ้าแปรผันตามการหมุนและความเร็วแบบ Servotronic และคาลิเปอร์เบรกแบบ M Sport เพิ่มความเพลิดเพลินในการขับขี่ด้วยความสะดวกสะบายและความหรูหราในห้องโดยสารที่ประกอบด้วยพวงมาลัยหนังแท้ M กาบบันไดและชุดแป้นวางเท้า เพดานหลังคาภายในสี Anthracite และอีกมากมาย 

ผมจบกิจกรรม BMW Driving Experience 2020 กับ BMW 218i Gran Coupe, X5 xDrive45e, 330e M Sport สามสายเลือด ด้วยการส่งมอบกุญแจ บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ให้กับเจ้าหน้าที่รับรถที่ตึก ตึกออลซีซั่นถนนวิทยุ จากนั้นกลับเข้าสู่โหมดนอลมอล กับรถคันเดิมเดินทางกลับมาเขียนรีวิวให้คุณผู้อ่านๆกันนี้แหละครับ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เป็นแฟน บีเอ็มดับเบิลยู ลองจับคู่ดูครับว่าเหมาะกับรุ่นไหนคันใด สำหรับผมรุ่นไหนก็ได้ครับ 555 เพราะงานนี้เป็น Driving Experience ครับเลยขอไม่ติติงอะไร ตรงกันข้ามต้องขอขอบคุณ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ที่ให้เกียรติเชิญเข้าสัมผัสประสบการณ์ดีๆในทริปนี้ 

BMW Driving Experience 2020 GALERY