รีวิวรถยนต์ใหม่
โดย. เตมีย์ ลิ้มตระกูล
กรุงเทพฯ 23 กุมภาพันธ์ 2564
ก่อนเข้าเรื่องรีวิวทดลองขับ All-New Mazda BT-50 ท้าวความกันหน่อยถึงที่มาที่ไปตั้งแต่ปี 2016 มีข่าวลือที่เชื่อถือได้หลุดออกมาว่า มาสด้าจะกลับไปจับมือกับอีซูซุเพื่อจะนำรถปิกอัพของอีซูซุมาขายอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่กี่ปีมีข่าวแจ้งมายังชาวโลกยืนยันข่าวโดย มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ด้วยการประกาศ เผยโฉมรถปิกอัพใหม่ล่าสุด All-New Mazda BT-50 เป็นครั้งแรกของโลก หรือ เวิลด์ พรีเมียร์ เมื่อกลางปีที่แล้ว (17 มิถุนายน 2020)
เป็นรถปิกอัพเจเนอเรชั่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งหมดในรอบ 9 ปี โดยพื้นฐานเครื่องยนต์แชสซีและช่วงล่างผลิตโดย อีซูซุ มอเตอร์ ก่อนที่มาสด้าจะเริ่มนำออกจอดวางจำหน่ายรถปิกอัพเจเนอเรชั่นใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี2020 โดยจะเริ่มวางจำหน่ายเฉพาะประเทศออสเตรเลียเป็นตลาดแรก สำหรับประเทศไทย (ในช่วงกลางปีที่แล้ว) ยังไม่มีแผนกำหนดการเปิดที่ชัดเจนและยังอยู่ในแผนงานระยะยาว
แต่ไม่ยาวอย่างที่ มาสด้า ให้ข่าวเพราะถัดจากนั้นไม่กี่เดือน (19 ธันวาคม 2563) มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จัดกิจกรรม Mazda Thailand Sneak Preview 2020 โดยเชิญสื่อมวลชนสายยานยนต์รวมถึงเรา incarsmagazine เข้าร่วมพิสูจน์สมรรถนะรถยนต์มาสด้า All-New Mazda BT-50 เพื่อเป็นการเกริ่นนำเรียกน้ำย่อยก่อนเปิดตัวพร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการในต้นปี 2021
โดยคาดการว่ากิจกรรมในครั้งนี้จะเป็นการประชาสัมพันธ์ให้สาธารณะ และลูกค้าของมาสด้าได้รับทราบข้อมูลบางส่วนของ All-New Mazda BT-50 ที่พัฒนาร่วมกับ ISUZU ต่อยอดภายใต้ SKYACTIV technology และการออกแบบอันสง่างามของ KODO design
ถัดจากนั้นไม่นาน (21 มกราคม 2021) มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย คอนเฟิร์มการทำตลาดปิกอัพร่วมกับคู่รักถ่านไฟเก่าอีซูซุ ด้วยการเปิดตัวแนะนำ All-New Mazda BT-50 เจเนอเรชั่นใหม่ นับเป็นการมัดรวมคุณสมบัติของรถปิกอัพที่ดีที่สุดจากฐานข้อมูลจากผู้ใช้รถปิกอัพของอีซูซุว่าเป็นปิกอัพที่ประหยัดน้ำมันทนทานและค่าดูแลรักษาต่ำ มัดรวมเป็นหนึ่งเดียวเข้ากับดีไซน์สไตล์มาสด้าที่เน้นความสง่างามตามคาแรคเตอร์รถยนต์ของมาสด้า ในการเปิดตัว All-New Mazda BT-50 มาสด้าแถลงทิศทางการวางตำแหน่งปิกอัพใหม่ของพวกเขาว่า
มาสด้าเริ่มเข้ามาบุกเบิกตลาดปิกอัพในประเทศไทยอย่างจริงจังเมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา ด้วยการสร้างโรงงานที่เม็ดเงินมูลค่ามหาศาล เพื่อขึ้นไลน์ผลิตปิกอัพในประเทศไทย ณ โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ จังหวัดระยอง โดยผลิต มาสด้า ไฟเตอร์ ซึ่งเป็นกระบะฝีมือคนไทยรุ่นแรก ที่เริ่มผลิตและจำหน่ายในปี 2541 มียอดขายเฉพาะในประเทศไทยกว่า 50,000 คัน ต่อด้วยรุ่นที่สอง มาสด้า บีที-50 มียอดขายสะสมกว่า 52,000 คัน และ มาสด้า บีที-50 โปร มียอดขายสะสม 120,000 คัน ส่งผลให้มีรถปิกอัพ มาสด้าอยู่ในการครองของลูกค้ากว่า 222,000 คัน ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
สำหรับ All-New Mazda BT-50 ถูกใส่ความเป็น “โคโดะ ดีไซน์” (KODO Design) มุ่งเน้นความเรียบง่าย แต่งดงาม ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” โดยมาสด้าอยากจะพูดว่า มันคือปิกอัพที่มี หน้าตาและบุคลิกใกล้เคียงกับ รถเอสยูวีตระกูล CX Series เจเนอเรชั่นใหม่ของมาสด้า
พูดง่ายๆว่าคีย์เวิร์ดของ All-New Mazda BT-50 คือ การออกแบบที่สง่างามสไตล์ปิกอัพยุคใหม่ การเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง เทคโนโลยีความปลอดภัยครบ สะดวกสบายให้ได้ใกล้เคียง รถเอสยูวี อีกทั้งยังเป็นปิกอัพที่มีความอเนกประสงค์ ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น เอาเป็นว่า All-New Mazda BT-50 เจเนอเรชั่นใหม่ในความหมายของคนมาสด้าคือการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ให้กับตลาดรถปิกอัพ ที่สามารถใช้งานได้ทุกโอกาส หรือ “Built for Dress and Jeans” ซึ่งจะเป็นการขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้กว้างมากขึ้น และช่วยเพิ่มโอกาสทางการขายให้มากขึ้นตามไปด้วย
All-New Mazda BT-50 มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 1.9 ลิตร(1,898 ซีซี.) แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC Commonrail Direct Injection พร้อม เทอร์โบแปรผัน VGS ระบายความร้อนด้วย Intercooler กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 – 2,600 รอบ/นาที เครื่องยนต์บล็อกนี้ควบคุมการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงตรงโดดเด่นในเรื่องอัตราประหยัดน้ำมันที่เคลมไว้ด้วยตัวเลข 16.1 กิโลเมตร/ลิตร ทั้งยังให้แรงบิดสูงตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำ ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้ง เกียร์ ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ด้วยคาแรคเตอร์แบบนี้ จึงวางอยู่ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการ(หรือไม่รายงานช่วงทดลองขับ)
และ เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3 ลิตร(2,999 ซ๊ซ๊.) แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC Commonrail Direct Injection พร้อม เทอร์โบแปรผัน VGS ระบายความร้อนด้วย Intercooler กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร 1,600 – 2,600 รอบ/นาที เครื่องยนต์บล็อกนี้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดน้ำมันแรงดันสูง 250 MPa ให้ละอองน้ำมันละเอียด และการเผาไหม้สมบูรณ์ ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้ง เกียร์ธรรมา 6 จังหวะ(รุ่นDBL 4×4 SP) และเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ (รุ่นDBL 4×4 SP 6 AT) เครื่องยนต์บล็กนี้ถูกวางเฉพาะรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ทั้ง 2 ขนาด รองรับน้ำมันได้ถึง B20
All-New Mazda BT-50 มีให้เลือก 14 รุ่นย่อย
STD 1.9 E ราคา 553,000 บาท
FSC 1.9 C ราคา 679,000 บาท
FSC 1.9 C Hi-Racer ราคา 714,000 บาท
FSC 1.9 C Hi-Racer 6 AT ราคา 768,000 บาท
FSC 1.9 S Hi-Racer ราคา 787,000 บาท
FSC 1.9 S Hi-Racer 6 AT ราคา 832,000 บาท
DBL 1.9 C ราคา 771,000 บาท
DBL 1.9 S ราคา 847,000 บาท
DBL 1.9 S Hi-Racer ราคา 891,000 บาท
DBL 1.9 S Hi-Racer 6 AT ราคา 936,000 บาท
DBL 1.9 SP Hi-Racer ราคา 1,012,000 บาท
DBL 1.9 SP Hi-Racer 6 AT ราคา 1,070,000 บาท
DBL 4×4 3.0 SP ราคา 1,118,000 บาท
DBL 4×4 3.0 SP 6AT ราคา 1,153,000 บาท
เทคโนโลยีความปลอดภัยในรถปิกอัพ มาสด้า BT-50 ใหม่
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM
เป็นระบบเซ็นเซอร์เพื่อตรวจจับเมื่อมีรถเคลื่อนที่เข้ามาทางด้านหลังเมื่อเปลี่ยนเลน โดยระบบจะส่งสัญญาณเตือนบนกระจกเพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัย ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ตัวเดียวกันที่ใช้กับระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) ที่ช่วยส่งสัญญาณเตือนคนขับเมื่อตรวจพบว่ามีรถยนต์กำลังเคลื่อนที่เข้ามาจากทางด้านหลัง
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC)
ระบบควบคุมเครื่องยนต์และเบรกเพื่อควบคุมอัตราเร่งและรักษาความเร็วเมื่อขับรถลงทางลาดชัน ช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการควบคุมพวงมาลัย และมั่นใจยิ่งขึ้นเมื่อขับรถลงจากทางลาดชัน
ระบบช่วยออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน (HLA)
เมื่อคนขับยกเท้าออกจากแป้นเบรกเพื่อเร่งเครื่องยนต์จากจุดออกตัวบนทางลาดชัด ระบบเบรกจะยังคงทำงานเพื่อป้องกันไม่ให้รถไหลไปข้างหลัง เพื่อช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ระบบช่วยจอด Parking Aidเซ็นเซอร์ 4
ตัวบนกันชนด้านหน้าและด้านหลังจะช่วยกะระยะห่างระหว่างรถกับวัตถุ โดยระบบจะส่งเสียงแจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อรถเคลื่อนเข้าไปใกล้วัตถุจนถึงระยะห่างที่กำหนด
ไฟหน้าแบบ LED
ไฟหน้าสูงและต่ำเป็นแบบหลอด LED ให้ลำแสงสีขาวสว่างช่วยให้มองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อขับขี่ในเวลากลางคืนและช่วยประหยัดพลังงาน
ระบบถุงลมนิรภัย SRS
นอกจากถุงลมนิรภัยฝั่งคนขับและฝั่งผู้โดยสารที่เป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยขั้นพื้นฐานแล้ว รถปิกอัพมาสด้า BT-50 ใหม่ ยังมาพร้อมม่านถุงลมนิรภัยและถุงลมนิรภัยด้านข้าง ที่ช่วยลดอันตรายที่อาจจะเกิดกับศีรษะและหน้าอกของผู้ขับและผู้โดยสาร ซึ่งรถรุ่นนี้มาพร้อมกับถุงลมนิรภัยรวมสูงสุด 6 ตำแหน่ง
เมื่อ All-New Mazda BT-50 เปิดตัวเปิดขายอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปลายเดือน มกราคม 2564 เป็นต้นมา มาสด้า เริ่มทะยอยส่งมอบรถตามออเดอร์ให้กับลูกค้าที่จองซื้อในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ต่อข้อถามที่ว่าลูกค้ามีฟีดแบคอย่างไรกับ All-New Mazda BT-50 ที่มีพื้นฐานเดียวกันกับอีซูซุ กรณีนี้ผู้บริหารของทางมาสด้าประเทศไทยให้ข้อมูลกับทางเราว่า
จากข้อมูลที่ได้จากตัวแทนจำหน่ายมาสด้าทั่วประเทศหลังการเปิดตัวแนะนำ All-New Mazda BT-50 อย่างเป็นทางการพบว่า ลูกค้าเดิมที่เป็นเจ้าของ BT-50 รุ่นก่อน จำนวนไม่น้อยที่ปฎิเสธการมาของ All-New Mazda BT-50 ด้วยเหตุผลเพราะลูกค้ากลุ่มนี้ชอบความเฟิร์มของช่วงล่างแบบเดิมที่ออกแนวสปอร์ต รวมถึงพวกเขายังติดกับอารมณ์ ZOOM ZOOM ที่ได้จากอัตราเร่งของเครื่องยนต์ของ มาสด้า ข้อมูลที่ได้จากลูกค้านี้แม้จะส่งผลถึงยอดขายแต่ก็น่าพอใจเพราะมาสด้าเองเน้นทำรถยนต์ให้ขับสนุกซึ่งก็น่าภูมิใจที่ลูกค้ามีความรู้สึกเหนียวแน่นกันมาสด้าแบบนั้น ในทางกลับกันกลับพบว่ามีลูกค้ากลุ่มใหม่ให้ความสนใจ All-New Mazda BT-50 ไม่น้อยซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ทราบดีว่า All-New Mazda BT-50 มีพื้นฐานเดียวกันกับอีซูซุ ซึ่งพวกเขายอมรับในเรื่องของความประหยัดความทนทาน การบำรุงดูแลรักษาง่าย แต่ต้องการรถปิกอัพที่ตอบโจทย์การใช้งานที่มากกว่า โดยลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ได้ต้องการรถปิกอัพเพื่อบรรทุกของ แต่ต้องการรถปิกอัพเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันที่มีอรรถประโยชน์มากกว่ารถยนต์นั่งดังนั้นจึงต้องการรถปิกอัพรูปร่างหน้าตาดี ไม่ดุดันบึกบึนเกินไป มีห้องโดยสารที่ใช้วัสดุดูดีหรูหรา ซึ่งนี่คือที่มาของลูกค้า All-New Mazda BT-50 รุ่นนี้ ซึ่งนับตั้งแต่เปิดตัว(21 มกราคม 2564) มียอดจองจากลูกค้าทั่วประเทศกว่า 1,000 คัน”
รายงานการทดลองขับ
มาถึงเรื่องการทดลองขับกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวกันต่อการจัดกิจกรรมนำสื่อร่วมพิสูจน์สมรรถนะ All-New Mazda BT-50 เป็นภาคต่อจาก Mazda Thailand Sneak Preview 2020 ที่ได้ลองขับกันแบบสั้นๆ แต่คราวนี้เราได้ลองขับกับแบบเต็มวันกว่า 300 กิโลเมตร จากโชว์รูม มาสด้า เจพี สาขากาญจนาภิเษก ตัดออกถนนพระราม2 ผ่านสมุทรสงคราม มุ่งหน้าโป่งกระทิง จังหวัดราชบุรี ผู้เขียนได้ DBL 1.9 SP Hi-Racer 6 AT ค่าตัว 1,070,000 บาท (Double Cab 4 ประตู) มาทดลองขับทดสอบ ในช่วง 147 กิโลเมตร แรกนี้ขอสำรวจตรวจสอบภายนอกที่ต้องยอมรับครับว่ามันสวยงามผิดแผกแตกต่างจากรถปิกอัพในตลาดทั่วไป สะดุดแรกคือกระจังหน้าที่มี Signature Wing มาสด้าสไตล์ขนาดใหญ่ มองเผินๆหากไม่กราดสายตายาวไปด้านท้ายอาจนึกมายืนมองเอสยูวีในค่ายอยู่ และแน่นอน แตกต่างจากปิกอัพพันธ์มิตร อย่างสิ้นเชิง
และเมื่อเข้าไปนั่งในห้องโดยสาร ภาพรวมที่เห็นถ้าจะให้คะแนนเต็ม 10 All-New Mazda BT-50 จะได้ไป 8.5 คะแนนจากการออกแบบตัดเย็บที่มีความประณีตดูหรูด้วยโทนสีเข้ม โดยทั้งเบาะนั่งและแผงประตูเป็นสีน้ำตาล ที่ขาดไป 1.5 คะแนนนั้น ถูกตัดจากวัสดุบางตำแหน่งยังคงเป็นพาสติกฉีดขึ้นรูปที่เนื้อสัมผัสยังแข็งกระด้างอยู่บ้าง ด้านอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายและความสุนทรี มีมาให้ใช้ใกล้เคียงเอสยูวีชั้นดี (ใช่สิก็คันนี้ราคา 1,070,000 บาท) ไม่ว่าจะเป็น จอสัมผัสขนาด 9 นิ้วเชื่อมต่อแบบไร้สาย รองรับ ทั้งค่าย Apple และ Android ถ่ายทอดเสียงผ่านลำโพง 8 ตำแหน่ง (เพิ่มมา 2 ตำแหน่งบนเพดานเหนือศรีษะผู้ขับและผู้โดยสารตอนหน้า)
มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา แบบ Dual Zone มีช่องแอร์และช่องจ่ายไฟ USB สำหรับผู้โดยสารตอนหลังบริเวณคอนโซลกลาง ตำแหน่งการนั่งของผู้โดยสารตอนหลังนี้บอกเลยว่านั่งสบายสไตล์รถนิ่มบุคลิกรถสไตล์นี้ใช้งานในเมืองจะเหมาะมาก ซึ่งจะให้ดีคนขับต้องเท้าเนียนคอนโทรลพวงมาลัยนิ่งด้วยนะ
หากต้องใช้เดินทางบนไฮเวย์(จะมีผลชัดเจนเมื่อต้องเดินทางด้วยความเร็วสูง(ซึ่งทำได้สบายในเรื่องความเร็ว) ราว 2 ชั่งโมงเราเดินทางถึงโป่งกระทิงเพื่อแวะพักกินมือกลางวันกันที่ร้าน ภูผาป่าสน บริเวณนี้สามารถแคมปิ้งกางเต็นท์ค้างแรมที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ ช่วงนี้ระยะทาง 147 กิโลเมตร
ก่อนจะเดินทางต่อไปที่ Unique 77 โกดังเก่าที่นำมาเล่าเรื่องใหม่ในสไตล์คาเฟ่ คาเฟอีน ในตัวเมืองราชบุรี ที่มีจุดเด่นนอกเหนือจากความลงตัวของการตกแต่งโกดังเก่าให้เป็นร้านกาแฟแล้วยังมีแก้วกาแฟจากร้านดังทั่วโลกมาจัดโชว์ให้ได้ชม
เส้นทางช่วงนี้เป็นเส้นทางที่เหมาะจะใช้ทดสอบพละกำลังและอัตราเร่งของเครื่องยนต์ และระบบช่วงล่าง บนถนนสาย 3313 จาก ภูผาป่าสน มุ่งหน้า ชัฐป่าหวาย ในอำเภอสวนผึ้ง เส้นทางช่วงนี้คดโค้งขึ้นเนินลงเนินตลอด การขับ Mazda DBL 1.9 SP Hi-Racer 6 AT บนเส้นทางแบบนี้ยอมรับว่า เครื่องยนต์ตอบสนองได้ไม่ทันใจนัก(ความจุเครื่องยนต์เพียง1,898 ซีซี.)
อาการของเครื่องยนต์ที่พาตัวถังเคลื่อนที่ในช่วงเส้นทางแบบนี้ผู้ขับต้องบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ เพราะการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่สั่งงานจากการกดคันเร่งนั้นไม่เฉียบพลันทันใจนัก ต้องใช้ทักษะการเลี้ยงคันเร่งเติมรอบเครื่องยนต์รอไว้และให้มองการณ์ไกลไปข้างหน้าหาจังหวะแซงในขณะที่มีรอบเครื่องยนต์รออยู่ แบบนี้จะไม่เหนื่อย เพราะหากปล่อยรอบเครื่องยนต์ลงไปจากการยกคันเร่ง การเติมคันเร่งเพื่อเรียกรอบและพลังเครื่องยนต์ขึ้นมาใหม่ในจุดนี้แทบเรียกได้ว่าจากศูนย์ แบบนี้ จะลุ้นเหนื่อย
จากชัฐป่าหว่ายเราใช้ถนนมายเลข 3208 เดินทางวกกลับเข้าตัวเมืองราชบุรี เส้นทางช่วงนี้ตรงๆยาวๆให้ได้ผ่อนคลาย เปิดคันเร่งเดินเนียนๆ จับจิบอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เหมือนหนังคนละม้วน หากก่อนหน้าดูหนังบู๊มันก็จะเหนื่อยหน่อย แต่หนังช่วงนี้เป็นหนังรักโรแมนติก ก็จะเพลินกับอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง(มาสด้าเคลมไว้ที่ 16.1 กิโลเมตร/ลิตร)
เราลงความเห็นว่าในช่วงเส้นทางแบบนี้คือโจทย์ที่ Mazda DBL 1.9 SP Hi-Racer 6 AT ตั้งไว้ ให้เครื่องยนต์และคนขับตอบว่า ชอบแบบนี้ เซ็ตรถเพื่อใช้งานลักษณะนี้ ซึ่งเราเห็นด้วยถ้าชอบดูหนังรัก โรแมนติกก็เลือก Mazda DBL 1.9 SP Hi-Racer 6 AT แต่หากชอบบู๊ให้ไปจับคู่กับ Mazda DBL 4×4 3.0 SP ขึ้นไปที่มีให้เลือกทั้งเกียร์ ธรรมดาและเกียร์อัตโมัติ สำหรับตัวเลขอัตราการสิ้นเปลืองเราทำได้ 13-14 กิโลเมตร/ลิตร
หลังจากกระตุ้นตื่นด้วยกาแฟชั้นดีจาก Unique 77 เราก็พร้อมเดินทางต่อในช่วงสุดท้าย กลับสู่โชว์รูม มาสด้า เจพี สาขากาญจนาภิเษก ในอีก 73 กิโลเมตร ด้วยการเป็นผู้โดยสารในตำแหน่งเบาะหลัง ขึ้นนั่งวางตำแหน่งเหมาะยังไม่ถึงครึ่งทางกาแฟชั้นดีก็หมดฤทธิ์พ่ายแพ้ให้กับช่องแอร์2ช่องหลังคอลโซลกลางเป่าหน้าเย็นเห็นวิวอีกที่ก็ที่โชว์รูม มาสด้า เจพี กาญจนาภิเษก เป็นอันจบวันเดย์ทริปในครั้งนี้ ขอบคุณ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ที่ให้เกียรติ เราเข้าร่วมทดสอบ All-New Mazda BT-50 ในครั้งนี้
รีวิว ทดลองขับ All-New Mazda BT-50 GALLERY