ข่าวรถยนต์
ทีมข่าว incarsmagazine
กรุงเทพฯ 9 มิถุนายน 2563
ตลอดระยะเวลาที่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศไทย มาสด้ามีการปรับแผนธุรกิจให้สอดรับกับเหตุการณ์ควบคู่ไปกับการสร้างแผนธุรกิจแบบเฉพาะกิจเพื่อเตรียมพร้อมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังวิกฤตเริ่มคลี่คลายจนเกิดเป็นความสำเร็จด้วยการก้าวขึ้นครองอันดับหนึ่งในตลาดรถ SUV สัญชาติญี่ปุ่นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นในแผนกลยุทธ์ฝ่าวิกฤตให้กับมาสด้า จึงเริ่มจัดกิจกรรมกับลูกค้าในโชว์รูมภายใต้ชื่อ MAZDA CX-SERIES DAYS ไปเมื่อวันที่ 23-24 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ด้วยระยะเวลาเพียง 2 วัน สามารถทำยอดจองได้กว่า 1,000 คัน โดยใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เป็นเครื่องมือหลักในการสื่อสารไปยังลูกค้า ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์คันใหม่เป็นอย่างมาก
จากความสำเร็จของการจัดกิจกรรมดังกล่าวส่งผลให้ยอดขายในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 58% เมื่อเทียบกับยอดขายของเดือนเมษายน ด้วยยอดรวมทั้งสิ้น 1,602 คัน โดยรุ่นที่ทำยอดขายมากที่สุดยังคงเป็น Mazda2 จำนวน 902 คัน ตามมาด้วย CX-30 จำนวน 386 คัน, Mazda3 จำนวน 108 คัน, CX-5 จำนวน 95 คัน, BT-50 PRO จำนวน 42 คัน, CX-8 จำนวน 34 คัน, CX-3 จำนวน 33 คัน และ MX-5 จำนวน 2 คัน”
จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นนับเป็นสัญญาณเชิงบวกที่บ่งบอกว่าสถานการณ์ตลาดรถยนต์กำลังดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกเซ็กเม้นต์ นั่นหมายถึงว่าความต้องการซื้อรถใหม่ยังคงมีอยู่อีกทั้งในสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสยังส่งผลให้การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลกลายเป็นวิธีที่ปลอดภัยมากที่สุด
ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปโดยมีการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่บนแพลตฟอร์มดิจิทัลซึ่งเป็นวิถีการดำเนินชีวิตแบบ New Normal มีความระมัดระวังในการตัดสินใจซื้อค้นหาข้อมูลเปรียบเทียบสินค้าระหว่างแบรนด์ในทุกมิติทั้งด้านคุณภาพสมรรถนะ เทคโนโลยี บริการหลังการขาย ราคาที่สมเหตุสมผล และความคุ้มค่ากับจำนวนเงินที่ต้องจ่ายในช่วงเวลานี้ มาสด้าจึงต้องขยับเพื่อขับเคลื่อนให้ธุรกิจกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว
