ข่าวรถยนต์
ทีมข่าว incarsmagazine
กรุงเทพฯ 28 เมษายน 2565
– NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV ยกระดับรถยนต์ SUV ไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
ปัจจุบันเทคโนโลยีได้กลายมาเป็นปัจจัยหลักที่สร้างการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ เราได้เห็นการเชื่อมต่อเทคโนโลยีเข้ากับรถยนต์ในรูปแบบใหม่ๆ และการพัฒนารถก็ถูกกำหนดโดยซอฟต์แวร์มากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับ เอ็มจี ไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาและพร้อมนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อให้ลูกค้าคนไทยได้มีประสบการณ์การขับขี่ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ก้าวทันอุตสาหกรรมยานยนต์โลก เอ็มจี เป็นผู้นำในการติดตั้งเทคโนโลยีการเชื่อมต่อระหว่างคนกับรถในตลาดรถยนต์เมืองไทย และเป็นรายแรกที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถสั่งการฟังก์ชั่นในรถยนต์ได้ด้วยเสียงภาษาไทยภายใต้ชื่อระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ซึ่งปัจจุบันระบบนี้สามารถอัพเดทฟังก์ชันการทำงานใหม่ๆ ผ่านทางออนไลน์หรือ FOTA (Firmware – Over – The -Air) สร้างความสะดวกสบายในการใช้งานรถยนต์ได้มากยิ่งขึ้น สำหรับ NEW MG HS นอกจากจะมาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่แล้วยังมีการติดตั้งเทคโนโลยี ระบบ AR NAVIGATION (ระบบนำทางเสมือนจริง) เป็นครั้งแรกในกลุ่มรถ C-SUV พร้อมการติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกมากมายซึ่งจะสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยได้เป็นอย่างดี
ตลาดรถยนต์ SUV ถือเป็นหนึ่งในตลาดหลักของเอ็มจี ซึ่งมียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดจนขึ้นเป็นผู้นำในกลุ่มดังกล่าวได้ในระยะเวลาเพียงไม่นาน ปัจจุบันเอ็มจีทำตลาดรถ SUV ใน 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่ม B-SUV ด้วย MG ZS ที่ถือเป็นรถยนต์อัจฉริยะ หรือ สมาร์ทคาร์ตัวจริงจากการติดตั้งระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ที่ผู้ใช้รถสามารถเชื่อมต่อ ตรวจสอบ และสั่งการระบบต่างๆ ภายในรถผ่านโทรศัพท์มือถือจึงตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบทั้งเทคโนโลยีและอรรถประโยชน์ที่หลากหลายของรถ SUV ส่วนอีกกลุ่ม คือ C-SUV ด้วยรุ่น MG HS ที่มีทั้งความสปอร์ตและความหรูหราเหนือระดับพร้อมติดตั้งฟังก์ชันการใช้งานและระบบความปลอดภัยขั้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดตั้งระบบ ADAS ที่เทียบเท่าระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ระดับที่ 2 (Partial Automation) ยิ่งไปกว่านั้น เอ็มจียังได้แนะนำเทคโนโลยีขับเคลื่อนที่ใช้พลังงานทางเลือก สอดรับกับเมกะเทรนด์ของโลกที่เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดตัว NEW MG ZS EV ซึ่งเป็นรถยนต์เอสยูวีที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% และ NEW MG HS PHEV ที่ผสมผสานระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาปเข้าด้วยกัน ออกมาเป็นระบบขับเคลื่อนในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด เอ็มจี แนะนำ MG HS รุ่นแรกสู่ตลาดเมืองไทยในปีพ.ศ. 2562 และสามารถสร้างการจดจำให้กับแบรนด์เอ็มจี ในฐานะหนึ่งในผู้เล่นหลัก (Key player) กลุ่ม C-SUV ในประเทศไทย สำหรับ NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV โฉมใหม่ มาพร้อมกับนิยาม “REFINEMENT” สะท้อนความเป็นรถยนต์สปอร์ตพรีเมี่ยม ที่มีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสมผสานระหว่างความหรูหราและความสปอร์ตอย่างลงตัว ทั้งในด้านของการออกแบบภายนอกและภายในที่ทันสมัยใส่ใจในทุกรายละเอียด ฟังก์ชันและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยด้วยการติดตั้งระบบนำทางเสมือนจริง หรือ AR NAVIGATION
ซึ่งระบบดังกล่าวเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกล้องหน้าที่ถ่ายทอดสภาวะแวดล้อมจริงในขณะเดินทางร่วมกับระบบนำทาง Navigation แบบ real time ช่วยให้การใช้งานระบบนำทางแม่นยำมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกสบายมากกว่าเดิม และระบบกุญแจดิจิตอล (Digital Key Technology) อีกทั้งยังมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานสากลสูงสุดถึง 26 ระบบ และระบบช่วยผู้ขับขี่หรือ ADAS ที่เทียบเท่ากับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับที่ 2 พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังจากระบบขับเคลื่อนทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุดถึง 162 แรงม้า และเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid) ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้พละกำลังสูงสุด 284 แรงม้า มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion แบบ 6 โมดูล ขนาดใหญ่ 16.6 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ทำให้สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% (EV Mode) ได้ไกลถึง 67 กิโลเมตร รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี
NEW MG HS PHEV ยังถูกติดตั้งระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ระบบกรองฝุ่น PM 2.5, กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ, ระบบกุญแจ Smart Key ทำงานคู่กับปุ่ม Push Start, ระบบไฟ Interactive-Ambient Light ปรับได้ 64 เฉดสี และเพิ่มความเงียบภายในห้องโดยสารด้วย NVH Luxury Silence Space และแผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสารด้านระบบความปลอดภัย Advanced Synchronized Protection System ประกอบไปด้วย 26 ระบบ เทียบเท่ากับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับที่ 2 (Autonomous Level 2) ดังนี้
• ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
• ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
• ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
• ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
• ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
• ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
• ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
• ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
• ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Brake)
อีกทั้งยังเสริมอุปกรณ์ความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็น จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง และระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ ความสำคัญของระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–SMART นี้ช่วยยกระดับคุณค่าและประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถยนต์เอ็มจี รวมถึงการเชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ให้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมเทคโนโลยี Digital Key และล่าสุดกับ AR NAVIGATION ระบบนำทางเสมือนจริง ที่จะทำให้ทุกการเดินแม่นยำมากยิ่งขึ้น Smart Check หรือ ระบบตรวจเช็กอัจฉริยะ ประกอบไปด้วย • ระบบตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่และการชาร์จ รวมถึงการค้นหาสถานีชาร์จ • ตรวจสอบสถานะของประตูรถ • ตรวจสอบตำแหน่งของรถ พร้อมบอกเส้นทางไปยังรถยนต์ผ่านฟังก์ชัน FIND MY CAR • ตรวจสอบความผิดปกติ และแจ้งสถานะการทำงานของรถ เช่น เครื่องยนต์ ลมยาง และถุงลมนิรภัย • ระบบแจ้งเตือนเมื่อความผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบการทำงาน หรืออุปกรณ์ของรถ • ระบบขอบเขตอิเล็คทรอนิกส์ • ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
Smart Command หรือ ระบบสั่งการอัจฉริยะ ประกอบไปด้วย • กุญแจดิจิตอล • ระบบสั่งการผ่านคำสั่งเสียงภาษาไทย • ควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน • โทรออก – รับสายจากจอทัชสกรีน • ระบบโทรอัตโนมัติกรณีฉุกเฉิน เมื่อถุงลมนิรภัยทำงาน(Emergency Call) • ระบบ i-CALL ที่สามารถติดต่อ MG Call Centre เพื่อสอบถามข้อมูล หรือขอรับจุดน่าสนใจ (Point Of Interest) ด้วยปุ่มลัดบนพวงมาลัย • ค้นหาข้อมูลจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ และวางแผนการเดินทาง Travel Plan จากสมาร์ทโฟนส่งเข้าหน้าจอทัชสกรีนของรถได้
Smart Connect หรือ ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ ประกอบไปด้วย • ระบบนำทางอัจฉริยะ แสดงเส้นทางพร้อมภาพเสมือนจริงจากกล้องหน้ารถ (AR NAVIGATION) ครั้งแรกในรถยนต์เอ็มจี กับเทคโนโลยีที่มอบความสะดวกและความแม่นยำในการขับขี่บนทุกเส้นทาง • ระบบนำทาง Navigation พร้อมรายงานการจราจรแบบ Real Time • ระบบช่วยค้นหาร้านอาหาร และที่พักบนแผนที่นำทาง • ระบบเล่นเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่ง • ระบบเรียกดูข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ปัจจุบัน และอัพเดทข้อมูลพยากรณ์อากาศ • อัพเกรดระบบต่าง ๆ ผ่านออนไลน์ (FOTA) * อุปกรณ์ที่ติดตั้งจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น
NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV มี 5 รุ่นย่อย แบ่งออกเป็นรุ่นที่เป็นเครื่องยนต์สันดาปจำนวน 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น C รุ่น D และรุ่น X และรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริดจำนวน 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น PHEV D และ รุ่น PHEV X พร้อมสีตัวถังทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) สีเทา (Metal Ash Grey) และสีแดง (Scarlet Red)
มีราคาจำหน่ายของแต่ละรุ่น ดังนี้
MG HS
รุ่น C 939,000 THB/บาท
รุ่น D 1,089,000 THB/บาท
รุ่น X 1,159,000 THB/บาท
MG HS PHEV
รุ่น D 1,299,000 THB/บาท
รุ่น X 1,379,000 THB/บาท