ข่าวรถยนต์
กรุงเทพ 7 เมษายน 2564
EA ผนึก “กฟน. – บิ๊กซี” ส่งมอบสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าแห่งแรก บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สาขาลาดพร้าว 2
- “สมโภชน์ อาหุนัย” พร้อมรุกเต็มที่ นำเครื่องอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere ที่เป็นระบบชาร์จเร็ว และทันสมัยที่สุดมาใช้ในรอบนี้ ขณะที่
- “อัศวิน เตชะเจริญวิกุล” เผยบิ๊กซี เตรียมแผนเดินหน้าติดตั้ง และเปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าในสาขาทั่วประเทศเร็วๆ นี้
- กฟน. มั่นใจ พร้อมสนับสนุนการจ่ายไฟแก่สถานีอัดประจุไฟฟ้ายานยนต์ในทุกด้าน
บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) รับการสนับสนุน จาก กฟน. และร่วมมือกับ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า EA Anywhere ในพื้นที่ บิ๊กซี ประเดิมส่งมอบสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาขาแรกที่ “บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สาขาลาดพร้าว 2”
นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จํากัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า “บริษัท พลังงานมหานคร ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ EA ได้รับการส่งเสริมจากการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)ด้วยการเข้าลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกันประกาศแผนการลงทุนติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า โดยทาง บิ๊กซี ได้เห็นความสำคัญของการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท พลังงานมหานคร ทำการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า EA Anywhere ในพื้นที่ของบิ๊กซี ที่มีศักยภาพที่จะรองรับการติดตั้งสถานีชาร์จ จึงได้มีการพัฒนาร่วมกันมาเป็นลำดับ จนก้าวเข้าสู่ความสำเร็จด้วยการทำพิธีส่งมอบสถานีอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere ที่ใช้เครื่องอัดประจุไฟฟ้าที่ทันสมัยที่สุดให้แก่ บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ เริ่มต้นสาขาแรกที่ บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สาขาลาดพร้าว 2 โดยมีแผนการขยายการติดตั้งไปยังบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ตามสาขาต่าง ๆ ทั่วประเทศ”
ปัจจุบัน EA Anywhere มีสถานีให้บริการอัดประจุไฟฟ้ากว่า 400 สถานี รวมทั้งสิ้นกว่า 1,600 หัวชาร์จ ตั้งแต่ระบบธรรมดา หรือ AC Charger ไปจนถึงระบบชาร์จเร็ว และทันสมัยที่สุด หรือ DC Super-Fast Charge ที่ใช้เวลาเพียง 15-20 นาที รวมทั้งยังอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการด้วย Application “EA Anywhere” ระบบออนไลน์ที่สามารถดำเนินการทั้ง จอง จ่าย และชาร์จในคราวเดียวกัน เพื่อให้เข้ากับยุคดิจิทัล ซึ่งมีผู้ใช้บริการมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยมียอดดาวน์โหลดใช้งานแล้วกว่า 19,400 ครั้ง EA Anywhere จึงนับเป็นทั้งผู้บุกเบิก และครองความเป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการอัดประจุไฟฟ้าแก่ยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร
“การปรับเปลี่ยนมาใช้ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า จะเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อน และมลพิษ PM 2.5 และการที่ภาครัฐได้มีการกำหนดเป้าหมายให้ไทย เป็นฐานการผลิตรถไฟฟ้า 100% ภายในปี 2578 พร้อมเร่งรัดแผนการจัดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานแบตเตอรี่ เป็นสัญญาณที่ดีอย่างมาก ดังนั้น การร่วมมือกันในครั้งนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จ และจะเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนอย่างเป็นรูปธรรม” นายสมโภชน์ กล่าว
นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ได้ร่วมเป็นพันธมิตร กับ การไฟฟ้านครหลวง และ บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด หรือ (EA Anywhere) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนพลังงานสะอาด ช่วยลดปัญหามลภาวะทางอากาศ ให้กับชุมชน ภายใต้โครงการ “สถานีอัดประจุไฟฟ้า” โดยเปิดตัวสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ณ บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สาขาลาดพร้าว 2 ซึ่งเป็น 1 ใน 8 สาขาที่เปิดให้บริการ โครงการดังกล่าวคาดว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า และช่วยสร้างประสบการณ์ให้กลุ่มลูกค้าใหม่ที่จะเข้ามาใช้บริการของบิ๊กซีได้มากขึ้น เพราะในอนาคตจะมีประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นโดยเฉพาะรถยนต์ส่วนบุคคล นอกจากนี้ บิ๊กซี ยังได้เตรียมความพร้อมขยายสาขาเปิดสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในบิ๊กซีสาขาต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อรองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังขยายตัวและจะเพิ่มขึ้นในอนาคต”
นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการธุรกิจและบริการการไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า “โครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่เกิดขึ้นระหว่างบริษัท พลังงานมหานครจำกัด และบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) นับเป็นการจับมือครั้งสำคัญ เนื่องจากการขยายและเพิ่มปริมาณสถานีอัดประจุไฟฟ้านั้น เป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการและผู้ใช้ ยานยนต์ไฟฟ้า และช่วยส่งเสริมให้มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าได้มากขึ้นอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว อันจะนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยต่อไป
กฟน. พร้อมที่จะให้การสนับสนุนการจ่ายไฟ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และเป็นประโยชน์ในการขยายโครงข่ายการจ่ายไฟฟ้าอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ อันจะทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนสำคัญต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ได้ในอนาคต”