ทดลองขับ NEW MG4 ELECTRIC ความพอดีของบอดี้ มีดีที่พละกำลัง

ทดลองขับ NEW MG4 ELECTRIC ความพอดีของบอดี้ มีดีที่พละกำลัง

รีวิวรถยนต์ใหม่

เตมีย์ ลิ้มตระกูล

ปทุมธานี 25 พฤศจิกายน 2565

เมื่อกลางเดือน พฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทยเผยแผนการทำตลาดรถยนต์ในกลุ่มพลังงานไฟฟ้า ด้วยการเปิดภาพจริงตัวจริงเวอร์ชั่นสเปคขายในประเทศไทยของ NEW MG4 ELECTRIC รถแฮทช์แบ็คพลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้คอมเซ็ปต์ “ICON” นิยามของการเป็น “ต้นแบบ” และมาตรฐานใหม่ของรถ EV ที่ขับสนุก ชูประเด็นเด่นว่าด้วยการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง รวมถึงเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจากเอ็มจีที่ถูกสร้างเพื่อมาเป็นอีวีสายพันธุ์แท้ด้วยนวัตกรรม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM 

การมาของ NEW MG4 ELECTRIC เป็นการสานต่อความเป็นผู้นำสายงานการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เอ็นจี เปิดตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเราด้วย เอ็มจี ZS EV เมื่ือปลายเดือนมิถุนายน 2562 รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของเอ็มจีอย่างเป็นทางการในประเทศไทย จากนั้นปลายเดือน พฤศจิกายน 2563 MG EP รถยนต์ไฟฟ้า ไลน์รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ 2 ของเอ็มจี ก่อนจะเปิดราคาพร้อมขายในวันที่ 1 ธันวาคมปีเดียวกัน จนถึงกลางเดือนมีนาคมต้นปีที่ผ่านมา เอ็มจี เปิดตัว NEW MG ZS EV ไมเนอร์เชนจ์ มีขยับปรับหน้าตาให้เข้าข่ายเทรนโลกของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีเหลี่ยมสันชัดคมและล่าสุด 14 พฤศจิกายน 2565 เอ็มจีแนะนำ NEW MG4 ELECTRIC ที่เกิดมาเพื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ไม่ได้ไปยืมร่างใครมาทรง นี่คือไทม์ไลน์สายงานการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของเอ็มจีในประเทศไทย ตลอด4ปีที่ผ่่านมา ซึ่งพอจะนับได้ว่า NEW MG4 ELECTRIC คือรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ 4 ของเอ็มจีในประเทศไทย 

NEW MG4 ELECTRIC ถูกออกแบบและพัฒนาให้เป็น“รถยนต์ไฟฟ้า100% ที่มีระบบขับเคลื่อนล้อหลัง”(DYNAMIC REAR WHEEL DRIVE) ที่มาเปลี่ยนสมรรถนะของรถพลังงานไฟฟ้า ให้สนุกสนานเร้าใจยิ่งขึ้นภายใต้มาตรฐานเดียวกับโกลบอลโมเดล ทั้งนวัตกรรมการขับขี่ไปจนถึงดีไซน์อันโดดเด่นที่ออกแบบให้เป็นรถพลังงานไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบ ด้วย 4 จุดเด่นที่น่าสนใจ ได้แก่ NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM โครงสร้าง “เนบิวลา” ที่พัฒนาขึ้นเพื่อยนตรกรรมไฟฟ้าโดยเฉพาะ ครั้งแรกของ เอ็มจี กับการเปิดตัวนวัตกรรมแพลตฟอร์มที่ถูกออกแบบเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ มีความยืดหยุ่นในการนำไปปรับใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าได้หลายเซกเมนต์ ไปจนถึงความสามารถในการรองรับแบตเตอรี่ได้หลากหลายความจุ ที่นอกจากยกระดับการปกป้องแบตเตอรี่แล้ว พื้นที่ภายในห้องโดยสารยังกว้างขวางมากขึ้นด้วย ซึ่ง NEW MG4 ELECTRIC ถือเป็นรถไฟฟ้ารุ่นแรกที่ใช้แพลตฟอร์มนี้ 

ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตรอบคัน ยูโรเปี้ยนดีไซน์

การออกแบบตัวรถใหม่แบบ AVANT-GARDE INDUCTIVE DESIGN ไฟหน้า LED GALAXY TECHNOLOGY MATRIX HEADLIGHTS ไฟท้าย LED ลาย CGYNUS SYMBOL DECORATIVE LIGHT หลังคาแบบทูโทน พร้อมสปอยเลอร์หลังแบบ TWIN ARROW WING ล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว พร้อม AERO WHEEL COVER มิติตัวถัง​ 4,287 x 1,836 x 1,516 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง) ระยะความยาวฐานล้อ 2,705 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 117 มิลลิเมตร

ภายในห้องโดยสารเรียบง่ายเน้นการใช้งานเพื่อให้ดูโปร่งโล่งสบาย 

คอนโซลกลาง FLOATED CENTRAL CONTROL PLATFORM พร้อมอุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สาย (Wireless charger) ดีไซน์พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง พวงมาลัย ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ – วางสายโทรศัพท์ กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Dual Screen แบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-function Display) และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ลำโพง 6 จุด ช่องจ่ายไฟ Power Outlet 12V รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ สมาร์ทโฟนระบบ Android พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE A และ C ระบบกรองอากาศ PM2.5 เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางและเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง เบาะนั่งด้านหลังพนักพิง ปรับ 60:40 โหมด Intelligent Smart Access เมื่อผู้ขับขี่อยู่ในตำแหน่งคนขับ เพียงเหยียบเบรกระบบการทำงานของรถจะสตาร์ทอัตโนมัติ

ICONIC PERFORMANCE เกิดมาเพื่อเป็นอีวี ที่ขับสนุกเร้าใจ 

ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร มาพร้อมกับเทคโนโลยี RUBIK’s CUBE BATTERY ขนาดความจุ 51 kWh สามารถวิ่งในระยะทาง 425 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น ระบายความร้อนได้เป็นอย่างดีด้วยระบบ LIQUID COOLING SYSTEM ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (DYNAMIC REAR WHEEL DRIVE) ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 4 ระดับ ได้แก่ ระดับต่ำ กลาง สูง และแบบแปรผันตามการขับขี่ (ADAPTIVE) ระบบโครงสร้างพวงมาลัยรูปแบบใหม่ DUAL PINION ควบคุมด้วยไฟฟ้า รัศมีวงเลี้ยว 5.3 เมตร การกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร 50:50 ควบคู่กับการออกแบบลักษณะ Low Centre of Gravity ที่ให้จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำเพื่อการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบอิสระ5-Link Suspension โหมดการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ ECO, NORMAL, SPORT, CUSTOM และ SNOW 

ความปลอดภัยจัดใหญ่ไม่แพ้ขับสนุก 

NEW MG 4 ELECTRIC ด้วยระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) ปรับแต่งระบบช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION และมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยรอบคัน ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน Advanced Synchronized Protection System 26 ระบบ

  • ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
  • ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
  • ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) 
  • ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
  • ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) 
  • ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist)
  • ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) 
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System)โดยผสานรวมระบบ LDP (Lane Departure Prevention) LKA (Lane Keep Assist) และ ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) เข้าไว้ด้วยกัน 
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
  • ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
  • ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
  • ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)
  • ระบบช่วยเบรกขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Braking) 
  • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
  • ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
  • ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)

รีชาร์จพลัง EASY CHARGE ง่าย สะดวกสบาย ทุกการชาร์จ จากสถานีชาร์จที่ครอบคลุม

หนึ่งในสิ่งที่เอ็มจีให้ความสำคัญคือการพยายามทำให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย ด้วยระบบการชาร์จ 2 รูปแบบ รองรับทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge พร้อมสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเอ็มจี MG Super Charge ที่ติดตั้งแล้วกว่า 128 แห่งทั่วประเทศ 

  • ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% – 80% ใช้เวลาประมาณ 35 นาที* ที่ความเร็วสูงสุด 88 kWh
  • ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ
    8 ชั่วโมง 30 นาที* ที่ 6.6 kWh
  • รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า

*ระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้าพร้อมด้วย ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–SMART ที่ช่วยยกระดับคุณค่าและประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถยนต์ เอ็มจี ที่ประกอบด้วย

ระบบตรวจเช็กอัจฉริยะ (Smart Check) 

  • ระบบตรวจสอบแบตเตอรี่ Battery Doctor บันทึกและวิเคราะห์ พฤติกรรมการใช้งาน พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลรักษาแบตเตอรี่เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น
  • ระบบสั่งการ และระบบค้นหารถ Find My Car
  • ระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์
  • ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
  • ระบบตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ การชาร์จ และสถานีชาร์จ

ระบบสั่งการอัจฉริยะ (Smart Command)

  • กุญแจดิจิตอล
  • ระบบสั่งการผ่านเสียงภาษาไทย
  • ระบบควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน
  • ระบบโทรออก – รับสายกรณีฉุกเฉิน
  • ระบบสั่งการชาร์จ สถานี MG SUPER CHARGE ผ่านทางสมาร์ทโฟน

ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Smart Connect)

  • ระบบนำทาง Navigation พร้อมรายงานการจราจรแบบ Real Time
  • ระบบช่วยค้นหาร้านอาหาร และที่พักบนแผนที่นำทาง
  • อัพเกรดระบบผ่านออนไลน์
  • ระบบเล่นเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่ง
  • อัพเดทข้อมูลพยากรณ์อากาศ
  • ระบบเรียกดูข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ปัจจุบัน

* อุปกรณ์ที่ติดตั้งจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น

เรื่องเล่าหลังลองขับ

การมาของ NEW MG4 ELECTRIC นับเป็นการเปิดพื้นที่โชว์รูมแสดงความความตั้งใจในการทำตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้าในบ้านเราอย่างเต็มกำลัง หลังจากเปิดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ามาแล้วสองรุ่นอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น โดย NEW MG4 ELECTRIC คันนี้เป็นรถยนต์ที่ออกแบบสร้างเพื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ภาพสเก็ต ซึ่งต่างจาก MG ZS EV และ MG EP ที่เป็นการหยิบยืมโครงสร้างรถยนต์ที่เป็นรถยนต์สันดาบภายในมาก่อน แล้วมาปรับแต่งตำแหน่งวางมอเตอร์ขับเคลื่อนที่รับพลังมาจากแบตเตอรี่ ในเรื่องสมรรถนะพละกำลังการขับเคลื่อนนั้นโครงสร้างตัวรถไม่ส่งผลถึงการขับเคลื่อน แต่จะมีผลโดยตรงการการทรงตัว แต่ส่งผลถึงการบาลานซ์ การกระจายน้ำหนักหน้า-หลัง ซึ่งส่งผลถึงการทรงตัว การยึดเกาะถนนของตัวรถ 

ดังนั้น NEW MG4 ELECTRIC ที่ถูกออกแบบสร้างมาเพื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอันดับแรกที่รู้สึกได้ชัดเจนหลังจากการได้ทดลองขับคือ การทรงตัวและยึดเกาะถนน รู้สึกได้ว่าดีอย่างชัดเจน เรื่องยากของการวางตำแหน่งเครื่องยนต์ของรถน้ำมันคือการหาตำแหน่งวางเครื่องยนต์เพื่อการกระจายน้ำหนักให้ดีที่สุด แต่เรื่องนี้กลับเป็นเรื่องง่ายของรถยนต์ไฟฟ้าที่ตำแหน่งการกระจายน้ำหนักของรถคือพื้นห้องโดยสารด้านล่างซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะกับการวางแบตเตอรี่ รวมถึง NEW MG4 ELECTRIC คันนี้ส่งกำลังผ่านมอเตอร์สู้ล้อคู่หลังลงพื้นถนน 

ด้วยความที่ NEW MG4 ELECTRIC มีกำลังขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลัง หรือที่เรียกว่า“ขับเคลื่อนล้อหลัง”โดยหลังการแล้วรถยนต์ที่ขับเคลื่อนล้อหลังจะเป็นรถยนต์ที่ขับสนุกด้วยเพราะจะมีอาการ    โอเวอร์สเตียร์ หรืออาการท้ายออกเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วเกินลิมิต ถ้าจะให้เห็นภาพลองนึกถึงรถดริฟท์ อาการของรถท้ายจะกวาดขณะเข้าโค้ง ความสนุกจะเกินก็ตอนแก้พวงมาลัยไปในทิศทางที่ท้ายรถออกพร้อมๆกับเติมคันเร่ง นี่แหละ FUN TO DRIVE ในสไตล์ NEW MG4 ELECTRIC แต่…….อาการนี้จะไม่เกิดขึ้นกับ NEW MG4 ELECTRIC ในโหมดสั่งการควบคุมรถสแตนดาร์ท เพราะจะมีระบบความปลอดภัย Advanced Synchronized Protection System 26 ระบบ สั่งการ ควบคุมอยู่ โดยหากผู้ขับต้องการอารมณ์ โอเวอร์สเตียร์ ก็สามารถทำได้โดยการปิดระบบ Traction Control ( สามารถปิดได้เฉพาะรุ่น X)

ในส่วนของการทรงตัวในภาพรวม ช่วงล่างที่ได้จาก NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM นอกจากข้อดีที่สามารถนำไปปรับใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าได้หลายเซกเมนต์ รองรับแบตเตอรี่ได้หลากหลายความจุ เป็นที่น่าพอใจกระจายน้ำหนักได้ดีขับขี่สนุกมั่นใจจากช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ด้านหลังเป็นแบบ 5-Link Suspension ให้ตัวถ่ายเทน้ำหนักปรับรับสภาพผิวทางได้ดี Handling ไม่ถึงกับคมกริบแต่ทันใจไปตามใจนึก อัตราเร่งไม่ต้องพูดถึงดึงดีตามสไตล์มอเตอร์ไฟฟ้า ยิ่งตัวเล็กแค่นี้ไปดีมาก อีกทั้งยังมากมายด้วย ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน Advanced Synchronized Protection System ที่ให้มาถึง 26 ระบบ ถือว่ามากมายก่ายกองทีเดียวสำหรับรถยนต์ขนาดตัวเท่านี้ 

พละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร พร้อมกับเทคโนโลยี RUBIK’s CUBE BATTERY ขนาดความจุ 51 kWh สามารถวิ่งในระยะทาง 425 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เหลือเฝือเพียงพอต่อชีวิตคนเมือง NEW MG4 ELECTRIC มี 2 รุ่นย่อยรุ่น D และรุ่น X มีสีตัวถังให้เลือกถึง 5 สี สีฟ้า (Brighton Blue) สีดำ (Black Knight) สีแดง (Scarlet Red) สีเทา (Andes Grey) และสีขาว (Arctic White) ตกแต่งภายในด้วยสีดำ (Black) ในรุ่น D และสไตล์ทูโทนเทา-ดำ (Grey & Black) ในรุ่น X ส่วนความคุ้มค่าคุ้มราคาแค่ไหนต้องนำไปเปรียบเทียบกับราคาที่ เอ็มจี จะประการศราคาอย่างเป็นทางการวันที่ ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 

ทดลองขับ NEW MG4 ELECTRIC GALLERY