โตโยต้าแจงยอดรถยนต์ พ.ย. 2564 ยังทรง คาด ธ.ค.ดีขึ้น

โตโยต้าแจงยอดรถยนต์ พ.ย. 2564 ยังทรง คาด ธ.ค.ดีขึ้น

ข่าวรถยนต์ 

ทีมข่าว incarsmagazine

กรุงเทพฯ 22 ธันวาคม 2564

-ตลาดรถยนต์พฤศจิกายนเริ่มมีสัญญาณบวกยอดขายรวม 71,716 คัน หดตัวลดลง 9,4%

ตลาดรถยนต์เดือนพฤศจิกายน 2564 มีปริมาณการขาย 71,716 คัน ลดลง 9.4% โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 6.5% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 10.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากภาวะการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ยังคงเกิดขึ้นทั่วประเทศ ส่งผลกระทบและเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ตลอดจนการดำเนินธุรกิจ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการท่องเที่ยว และบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ผู้บริโภคยังคงชะลอการตัดสินใจซื้อ และรัดกุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อรอจังหวะการใช้จ่ายที่เหมาะสม

นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2564 ยังคงชะลอตัวต่อเนื่องในทุกเซ็กเมนท์ โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 71,716 คัน แต่มีอัตราการหดตัวที่ลดลงเพียง 9,4% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 23,793 คัน ลดลง 6.5% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 47,923 คัน ลดลง 10.8% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 38,550 คัน ลดลง 9.9% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ตลาดรถยนต์ในเดือนธันวาคมมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลดีต่อการประกอบธุรกิจต่างๆ และประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงกับในสภาวะปกติ ทั้งนี้ยังเป็นการลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว โดยสถานการณ์ตลาดรถยนต์จะขยับตัวดีขึ้น สืบเนื่องจากทุกค่ายรถยนต์ต่างแข่งขันกันนำเสนอแคมเปญส่งเสริมการขายในช่วงสิ้นปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีผู้เข้าร่วมงานจำนวนมากถึง 1,151,540 คน และยอดจองรถยนต์ในงานมากถึง 31,583 คัน ไม่นับรวมยอดจองรถยนต์ตามโชว์รูมผู้แทนจำหน่ายทุกยี่ห้อทั่วประเทศ ภายใต้ข้อเสนอพิเศษ “เงื่อนไขเดียวกับมอเตอร์โชว์” เป็นตัวกระตุ้นการตัดสินใจซื้อรถยนต์ของลูกค้าได้อย่างสัมฤทธิ์ผล แต่อย่างไรก็ตามสถานการณ์ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ “โอมิครอน” ที่เริ่มมีการแพร่ระบาดในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย เป็นปัจจัยลบต่อสถานการณ์ตลาดรถยนต์และสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่ต้องจับตามองต่อไป

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนตพฤศจิกายน 2564

ตลาดรถยนต์รวม 

ปริมาณการขาย 71,716 คัน ลดลง 9.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 โตโยต้า 23,168 คัน ลดลง         18.1%         ส่วนแบ่งตลาด 32.3%

อันดับที่ 2 อีซูซุ 18,419 คัน เพิ่มขึ้น       4.8%         ส่วนแบ่งตลาด 25.7%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า 8,624 คัน ลดลง         3.2%       ส่วนแบ่งตลาด 12.0%

ตลาดรถยนต์นั่ง 

ปริมาณการขาย 23,793 คัน ลดลง 6.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 8,062 คัน เพิ่มขึ้น       9.3%   ส่วนแบ่งตลาด 33.9%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 6,304 คัน ลดลง        10.5%         ส่วนแบ่งตลาด 26.5%

อันดับที่ 3 ซูซูกิ 2,242 คัน เพิ่มขึ้น       1.8%    ส่วนแบ่งตลาด  9.4%

ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ 

ปริมาณการขาย 47,923 คัน ลดลง 10.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 

อันดับที่ 1 อีซูซุ 18,419 คัน เพิ่มขึ้น       4.8% ส่วนแบ่งตลาด 38.4% 

อันดับที่ 2 โตโยต้า 16,864 คัน ลดลง         19.2% ส่วนแบ่งตลาด 35.2%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,859 คัน ลดลง         13.5% ส่วนแบ่งตลาด  6.0%

ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) 

ปริมาณการขาย 38,550 คัน ลดลง 9.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 อีซูซุ 16,956 คัน เพิ่มขึ้น     2.3% ส่วนแบ่งตลาด 44.0%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 14,888 คัน ลดลง     14.0% ส่วนแบ่งตลาด 38.6%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,859 คัน       ลดลง     13.5% ส่วนแบ่งตลาด  7.4%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 5,410 คัน 

โตโยต้า 2,338 คัน – อีซูซุ 1,734 คัน – มิตซูบิชิ 651 คัน – ฟอร์ด 482 คัน – นิสสัน 205 คัน

ตลาดรถกระบะ Pure Pick up 

ปริมาณการขาย 33,140 คัน ลดลง 11.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 

อันดับที่ 1 อีซูซุ 15,222 คัน ลดลง        1.6% ส่วนแบ่งตลาด 45.9%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 12,550 คัน ลดลง        13.7% ส่วนแบ่งตลาด 37.9%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด   2,377 คัน ลดลง        16.3% ส่วนแบ่งตลาด  7.2%               

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2564

ตลาดรถยนต์รวม 

ปริมาณการขาย 668,109 คัน ลดลง 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว                           

อันดับที่ 1 โตโยต้า 212,573 คัน เพิ่มขึ้น        0.7% ส่วนแบ่งตลาด 31.8%

อันดับที่ 2 อีซูซุ 165,359 คัน เพิ่มขึ้น        4.5%       ส่วนแบ่งตลาด  24.8%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า 77,136 คัน ลดลง          7.0% ส่วนแบ่งตลาด 11.5%

ตลาดรถยนต์นั่ง 

ปริมาณการขาย 219,883 คัน ลดลง 7.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว                                

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 68,123 คัน ลดลง        1.3% ส่วนแบ่งตลาด 31.0%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 55,056 คัน ลดลง        7.2% ส่วนแบ่งตลาด 25.0% 

อันดับที่ 3 มาสด้า 18,603 คัน ลดลง       12.9% ส่วนแบ่งตลาด  8.5%

ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ 

ปริมาณการขาย 448,226 คัน ลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว                           

อันดับที่ 1 อีซูซุ 157,517 คัน เพิ่มขึ้น       3.8% ส่วนแบ่งตลาด 35.1%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 165,359 คัน เพิ่มขึ้น       4.5% ส่วนแบ่งตลาด 36.9%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด 28,212 คัน เพิ่มขึ้น     11.7% ส่วนแบ่งตลาด  6.3%

ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) 

ปริมาณการขาย 350,691 คัน ลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว                           

อันดับที่ 1 อีซูซุ 150,272 คัน เพิ่มขึ้น        2.3% ส่วนแบ่งตลาด 42.9%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 134,768 คัน เพิ่มขึ้น        4.1% ส่วนแบ่งตลาด 38.4%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด  28,212 คัน เพิ่มขึ้น      11.7% ส่วนแบ่งตลาด  8.0%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 45,744 คัน 

โตโยต้า 20,403 คัน – อีซูซุ 14,449 คัน – มิตซูบิชิ 5,747 คัน – ฟอร์ด 4,318 คัน – นิสสัน 827 คัน

ตลาดรถกระบะ Pure Pick up 

ปริมาณการขาย 304,947 คัน ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 อีซูซุ 135,823 คัน ลดลง          4.1% ส่วนแบ่งตลาด 44.5%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 114,365 คัน เพิ่มขึ้น        1.7% ส่วนแบ่งตลาด 37.5%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด 23,894 คัน เพิ่มขึ้น      15.0% ส่วนแบ่งตลาด  7.8%     

โตโยต้าแจงยอดรถยนต์ พ.ย.64 GALLERY