ข่าวรถยนต์
ทีมข่าว incarsmagazine
กรุงเทพฯ 24 พฤษภาคม 2565
ตั้งแต่ NEW MG5 เปิดตัวในประเทศไทยก็ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้รถยนต์กลุ่ม B-Segment ด้วยความที่เป็นรถยนต์ที่มีขนาดตัวถัง และพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางจนเข้าใกล้ รถยนต์กลุ่ม C-Segment มีอรรถประโยชน์เทียบเท่า แต่กลับมีราคาที่ย่อมเยากว่า รวมถึงยังมีเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ที่ล้ำสมัย และสร้างการจดจำให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี สำหรับ NEW MG5 วางตำแหน่งทางการตลาดให้ตอบรับกับกลุ่มลูกค้า GEN ใหม่ ที่ไม่ยึดติดกับสิ่งเดิมๆ พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ชอบลองเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ล้ำสมัยรอบตัว รวมถึงไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบยานยนต์
ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2565 ทาง MG ได้มีการขยับปรับแผนการตลาดเชิงรุกอีกครั้งด้วยการเติมออปชั่นให้กับ NEW MG5 ทุกรุ่นย่อย และเพิ่มรุ่น D+ เพื่อลดช่องว่างระหว่างรุ่น D กับรุ่น X ซึ่งเป็นรุ่นท้อปให้แคบลง เติมฟีเจอร์ เพิ่มความคุ้มค่าหวังให้โดนใจคนรุ่นใหม่มากขึ้นไปอีกเสนอราคาจำหน่ายอยู่ที่ 679,000 บาท เท่ากับว่า ตั้งแต่ เดือน พฤษภาคม 2565 NEW MG5 รุ่นปี 2022 จะเพิ่มเป็น 4 รุ่นย่อย พร้อมปรับราคาในสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันอีกครั้งดังนี้
NEW MG5 รุ่นปี 2022
-รุ่น C ราคาจำหน่าย 585,000 บาท
-รุ่น D ราคาจำหน่าย 625,000 บาท
-รุ่น D+ ราคาจำหน่าย 679,000 บาท
-รุ่น X ราคาจำหน่าย 709,000 บาท
ถ้าคุณเป็นคนรุ่นใหม่ที่กำลังเลือกซื้อรถยนต์ แต่…..ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ ขอให้อ่าน “5 เหตุผลที่ทำให้ NEW MG5 ขายดี” ที่เราเรียบเรียงมาให้ แล้วนำไปเปรียบเทียบกับตัวเลือกอื่นๆ แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมต้องเลือก NEW MG5 รุ่นปี 2022 เป็นรถคู่ใจ
เรื่องที่ 1.ดีไซน์ภานนอก-ภายใน-สมรรถนะ
NEW MG5 รถยนต์สปอร์ตคูเป้ซีดานนิยาม BEYOND ได้รับการด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิด BRIT DYNAMIC ซึ่งต้องยอมรับว่าภาพรวมภายนอกโดดเด่น มัดรวมความลงตัวของการออกแบบที่สปอร์ตและเรียบหรู กระจังหน้าดีไซน์ Digital Burning Grille เคียงคู่ไฟหน้า LED Projector, ไฟท้าย LED ดีไซน์ Leopard Claw, ล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์ใบพัด 5 ก้าน แสดงออกถึงอารมณ์รถสปอร์ต จากโทนสีดำตัดขอบเงา ด้านในห้องโดยสารหากได้ลองนั่งในตำแหน่งผู้ขับจะรับรู้ได้ถึงความกระชับ ความเฉียบคมของพวงมาลัย ในส่วนของคอนโซลกลางดีไซน์แบบ Driver-Focus Cockpit ที่รับกับตำแหน่งคนขับ พื้นที่โดยสารตอนหลังนั่งได้สะดวกสบาย ยืดเหยียดขาและเท้าได้ดี การโดยสารระยะทางไกลไม่ใช่ปัญหาของรถรุ่นนี้ รวมถึงจัดวางฟังก์ชั่นและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ค่อนข้างลงตัว ยอมรับว่าวัสดุภายในห้องโดยสารให้สัมผัสที่ดี รู้ว่า MG คัดสรรมาเป็นอย่างดี เครื่องยนต์ NEW MG5 ทุกรุ่นย่อยติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน DOHC แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ความจุ 1.5 ลิตร VTi-TECH กำลังสูงสุด 114 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT 8 สปีด
เรื่องที่ 2. เทคโนโลยีกุญแจดิจิทัล (Digital Key)
Digital Key เป็นเทคโนโลยี การเชื่อมต่อระหว่างโทรศัพท์มือถือกับตัวรถทำให้สามารถใช้มือถือแทนกุญแจซึ่งเราอาจไม่จำเป็นต้องพกกุญแจรถเลยด้วยซ้ำ สำหรับระบบ Digital Key สามารถสั่งงานผ่านโทรศัพท์มือถือ (สมาร์ทโฟน) เพื่อใช้เป็นตัวควบคุม ไม่ว่าจะเป็นการล็อคหรือปลดล็อครถ รวมไปถึงการสตาร์ทรถ พร้อมเปิดแอร์ก่อนที่เราจะขึ้นรถโดยการสั่งผ่านโทรศัพท์มือถือของเจ้าของรถได้เลย รวมถึงการส่งกุญแจดิจิตอลให้กับผู้อื่นเพื่อใช้งานรถยนต์ผ่านแอพพลิเคชัน i-SMART ซึ่งโดยปกติแล้วเราจะพบเทคโนโลยีเหล่านี้ในรถหรูเท่านั้น
เรื่องที่ 3. ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART
i-SMART ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะจาก MG สามารถควบคุม สั่งงานมากกว่าที่เคย เชื่อมต่อกันได้ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นระบบสั่งงานผ่านเสียง ผ่านจอทัชสกรีนหรือผ่านแอพพลิเคชั่น ก็ง่าย และสะดวก ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
REMOTE VEHICLE CONTROL
-ล็อก หรือปลดล็อกประตู
-ตรวจสอบตำแหน่งของรถ พร้อมบอกเส้นทางไปยังรถยนต์
-FIND MY CAR ให้คุณหารถได้อย่างง่ายดาย โดยกำหนดให้รถเปิดไฟหน้า ไฟท้ายหรือใช้เสียงแตรผ่านการตั้งค่า
SECURITY ALARM
-ระบบแจ้งเตือนเมื่อความผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบการทำงาน หรืออุปกรณ์ของรถ
REMOTE VEHICLE DIAGNOSIS
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติ และแจ้งสถานะการทำงานของรถ เช่น เครื่องยนต์ ลมยาง ถุงลมนิรภัย สถานะประตู
ELECTRONIC FENCE
-กำหนดขอบเขตการใช้รถได้ตั้งแต่ 500 ม. ถึง 10 กม. โดยระบบจะแจ้งเตือนเมื่อรถเข้า – ออก ในขอบเขตที่กำหนดไว้
PASSION SERVICE (DEALER LIST/ MAINTENANCE RECORD)
-ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
เรื่องที่ 4. เทคโนโลยีความปลอดภัยที่เพียงพอ
ยิ่งเราขับรถเล็กๆ ระบบความปลอดภัยยิ่งสำคัญ สำหรับ NEW MG5 นอกจากจะเริ่มต้นจากโครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ FSF (Full Space Frame) ยังอุ่นใจในทุกการขับขี่ด้วย Synchronized Protection System ระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป ไม่ว่าจะเป็น
- ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-lock Brake System)
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution)
- ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง (Auto Vehicle Hold)
- ระบบระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS (Electronic Differential System)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)
รวมถึงยังมีกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer และระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock)
เรื่องที่ 5. ความคุ้มค่า คุ้มราคา
ในหัวข้อนี้ต้องขอเจาะลึกในรุ่น D+ ที่เพิ่มเติมขึ้นมา เพื่อให้เห็นภาพ เพื่อจัดการกับความสงสัยที่ว่า NEW MG5 รุ่น D+ มีฟังก์ชันอะไรที่เพิ่มเติมจากรุ่น D บ้าง รายละเอียดตามนี้
1.ล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว
2.หลังคาซันรูฟ
3.หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว
4.เบาะปรับไฟฟ้าด้านคันขับแบบ 6 ทิศทาง
5.ไฟสองสว่างที่นั่งแถวหลัง
6.ที่เก็บแว่นตา
7.ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติหรือ Cruise Control
8.กล้องรอบคันแบบ 3 มิติ
โดย MG เสนอราคาค่าตัวของรุ่น D+ อยู่ที่ 679,000 บาท หากดูจากอุปกรณ์ที่ได้ในรุ่นนี้จะมีความใกล้เคียงกับรุ่น X ของรุ่นปี 2021 ซึ่งเป็นรุ่นท้อป การมาของ NEW MG5 รุ่นปี 2022 บอกเลยว่า ตอบโจทย์เรื่องความคุ้มค่ามากขึ้นไปอีก
นอกเหนือจาก 5 เรื่องเด่น ของ NEW MG5 ที่ได้อ่านกันมาทั้งหมดนั้น สิ่งที่ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ต้องการนอกเหนือยอดขายคือการสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ MG ให้กับผู้ใช้รถในประเทศไทย ด้วยแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้ 3 แกนหลัก ได้แก่ เทคโนโลยี (Technology) ความทันสมัย (Fashion) และความคุ้มค่า (Value) ที่ถ่ายทอดเจตนารมณ์การออกแบบรถที่สามารถเทียบชั้นกับรถยนต์ในระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง NEW MG5 ในประเทศไทย คือหนึ่งในรุ่นรถยนต์ที่ได้รับความนิยม ในกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของแบรนด์ MG สามารถช่วยเพิ่มตัวเลขยอดขายไตรมาสแรกปี 2022 โต กว่า 24% และแน่นอนว่า เมื่อผู้ใช้รถยนต์ในเมืองไทยให้การตอนรับ MG อบอุ่นขนาดนี้ รับรองว่า MG ต้องตอบแทนลูกค้าชาวไทย หนึ่งในนั้นเชื่อว่าจะเป็นการมาของ ALL NEW MG5 รุ่นปี 2022 ที่เพิ่มเติมความคุ้มค่าให้แบบไม่มีกั๊ก