รีวิว ทดลองขับ นิสสัน นาวารา ใหม่ ไมเนอร์เชนจ์

รีวิว ทดลองขับ นิสสัน นาวารา ใหม่ ไมเนอร์เชนจ์

รีวิวรถยนต์ใหม่

โดย เตมีย์ ลิ้มตระกูล

กรุงเทพฯ 8 มีนาคม 2564

ตลาดรถปิกอัพในประเทศไทยตลอดทั้งปีที่ผ่านมา(ปี2563)ตัวเลขยอดขายรวมทุกค่าย( 9 ยี่ห้อ) กว่า 3.6 แสนคัน ขึ้นแทนยืนหนึ่งต้องยกให้ อีซูซุ (160,328 คัน) โตโยต้าคือพระรองครองอันดับ2อย่างเหนียวแน่น (129,893คัน) แม้จะไม่ค่อยเต็มใจเท่าใดนัก ส่วนอันดับ3 ตลอดปีมีมิตซูบิชิ รับจองมาตลอด โดยฟอร์ดตามมาอันดับ4(แอบแซงมิตซูบิชิขึ้นที่3ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี) 

นิสสัน รับมอบตำแหน่งที่ 5 มาโดยตลอด อันดับ6 เป็นปิกอัพรุกกี้จากเอ็มจี โดยมีมาสด้าตามมาเป็นอันดับ7 ปิดท้ายด้วยเชฟโรเลตและทาทาตามมาห่างๆ ความต่างอย่างน่าใจหายของยอดขายรถปิกอัพนั้น ตัวเลขยอดขายของ2อันดับหัวแถวอีซูซุ โตโยต้าเป็นตัวเลขหลักแสน แต่พอหลุดมาอันดับ 3 ลงไปกลายเป็นหลักหมื่น มิตซูบิชิ (25,704คัน) ฟอร์ด (24,508คัน) นิสสัน (13,523คัน)

สำหรับนิสสันแล้วตำแหน่งยอดขายอันดับ5(เมื่อปี2563)ถามว่าพอใจมั๊ย ไม่มีทางหรอกครับที่จะพอใจ ใครๆก็อยากขายได้หัวแถวกันทั้งนั้น กระบะสังกัดนิสสันเริ่มเบ่งกล้ามตามยุคสมัยใส่อะไรต่อมิิอะไรที่เริ่มทันสมัยแต่ปี 2014 ในชื่อนิสสัน นาวารา เอ็นพี 300 นิสสัน นาวารา เอ็นพี 300 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2557 ก่อนทะยอยเปิดตัว นิสสัน นาวาร่า เอ็มพี 300 สานต่อการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังโชว์ประเด็น ความประหยัดมากกว่าเดิมถึง 11 เปอร์เซ็น พร้อมอัตราเร่งที่ดีขึ้น มาในรูปแบบคิงแค็บ ดับเบิ้ลแค็บ พร้อมระบบขับเคลื่อนให้เลือกทั้งแบบ 4 ล้อ และ 2 ล้อ 

ถัดจากนั้นไม่นาน มีการเปิดตัวแนะนำ นิสสัน นาวาร่า เอ็มพี 300  รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน มีให้เลือกในตัวถังทั้ง 3 แบบ ทั้ง ซิงเกิ้ล แค็บ คิงแค็บ และ ดับเบิ้ลแค็บ โดยทั้ง 3 รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2,500 ซีซี ให้กำลัง 169 แรงม้า แรงบิด 241 นิวตันเมตร รองรับแค่น้ำมัน E10 มีแต่รุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ราคา 456,000- 749,000 บาท ส่วนบล็อกเครื่องดีเซลเป็น Common-Rail VN Turbo YD 25 DDTI ขนาด 2,500 CC. 4 สูบแถวเรียง DOHC มีให้เลือก 2 บล็อก

-YD 25 DDTI High Power 190 แรงม้า ที่3,600 รอบ/นาที แรงบิด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที

-YD 25 DDTi Mid Power 163รงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบ/นาทีมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และ เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ราคา  นิสสัน เอ็นพี 300 นาวาร่า รุ่นปี 2014-2015(ราคาในขณะนั้น)

 นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2528 นิสสัน นาวาราสามารถพิชิตทุกจุดหมายที่ท้าทายไม่ว่าจะเป็นเนินทรายในทะเลทรายซาฮาร่า ป่าทึบประเทศไทย หรือเหมืองแร่ในประเทศชิลีของทวีปอเมริกาใต้ ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 4,000 เมตร ด้วยโครงสร้างของตัวถังบนแชสซีส์ที่แข็งแกร่งที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถลุยได้ทุกที่ด้วยความมั่นใจ พร้อมรับมือกับทุกสภาพถนนปกติและถนนแบบออฟโรดที่ท้าทาย นิสสัน   นาวารา เป็นคู่หูการเดินทางที่ไว้วางใจได้ ไม่ว่าจะเป็นการออกผจญภัยบนเส้นทางใหม่ ๆ งานบรรทุกหนักหรือการลุยในทุกสภาพถนน

หลัง นิสสัน นาวาร่า เอ็มพี 300 รุ่นปี 2014-2015 ผ่านการทำตลาดในประเทศ(ขณะนั้นตลาดยุโรปใช้เครื่องยนต์บล็อก 2.3 เทอร์โบกันแล้ว) เกือบจะหมดอายุไขปลายโมเดล นิสสันประเทศไทยมีการอัพเกรดให้ นิสสัน นาวาร่า เอ็มพี 300 รุ่นสุดท้ายด้วย นิสสัน นาวาร่า เอ็มพี 300 แบล็คอิดิชั่น ในปี 2019 ทั้ง King Cab และ Double Cab นับเป็นรุ่นตกแต่งพิเศษเอาใจตลาดตามกระแสกระบะหน้าดุทุกพันธุ์ที่แข่งกันแกร่ง โดยมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และ เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีต ซึ่งจะว่าไปแล้ว     นิสสัน นาวาร่า เอ็มพี 300 แบล็คอิดิชั่น คือต้นแบบปิกอัพแต่งรุ่นพิเศษที่เรากำลังจะกล่าวถึงกันใน   ทริปนี้ ที่มีชื่อว่า นิสสัน นาวาร่า โปร4X 

นิสสัน นาวารา ใหม่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 บุกตลาดเป็นประเทศแรกในโลกภายใต้แผนยุทธศาสตร์ Nissan NEXT ที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในสองฐานการผลิต นิสสัน นาวารา ใหม่ เพื่อลูกค้าชาวไทยและส่งออกไปกว่า 26 ประเทศ พิสูจน์ความสำคัญของประเทศไทยฐานะศูนย์กลางด้านการผลิต รวมถึงการวิจัยและพัฒนา สำหรับลูกค้านิสสันในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย นิสสัน นาวารา ใหม่ ถูกผลิตขึ้นที่ฐานการผลิตในประเทศไทย เพื่อลูกค้าชาวไทย และส่งออกไปยังตลาดอาเซียน และออสเตรเลีย 

มีอะไรใหม่

โดยแฟนปิกอัพในประเทศไทยจะเป็นคนกลุ่มแรกของโลกที่ได้จับจอง นิสสัน นาวารา ใหม่ มาพร้อมรูปลักษณ์ที่ดุดันและเร้าใจ อัพเกรดทั้งดีไซน์และเทคโนโลยี รูปลักษณ์ภายนอกที่ดุดัน แข็งแกร่ง ผสานกับอรรถประโยชน์หลากหลายนิสสัน นาวารา ใหม่ เปิดตัวมา 3 รูปแบบตัวถัง 14 รุ่นย่อย 3 เครื่องยนต์ รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ จะจับคู่เฉพาะเกียร์อัตโนมัติ ส่วน 2.3 ลิตร เทอร์โบ(เดี่ยว)แปรผัน VGS จะจับคู่เฉพาะเกียร์อัตโนมัติ (รุ่นตัวถัง คิงแค็บ ตัวเตีย 3 รุ่นใช้เครื่องยนต์2.5เดิมมีเฉพาะเกียร์ธรรมดา)

ขุมพลังใหม่ 2 บล็อก

-เครื่องยนต์ YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบ ทวินเทอร์โบ เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (Ps) และแรงบิด 450 นิวตัน-เมตร (Nm) 

-เครื่องยนต์ YS23DDT ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบแปรผันแบบ VGS เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (Ps) และแรงบิด 403 นิวตัน-เมตร (Nm)

-เครื่องยนต์ YD25DDTTi ขนาด 2.5 ลิตร เทอร์โบแปรผันแบบ VGS ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (Ps) และแรงบิด 403 นิวตัน-เมตร (Nm)

สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีขาว ไวท์ โซลิด (White Solid), สีขาว ไวท์ เพิร์ล (White Pearl),สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ (Brilliant Silver), สีดำ แบล็ค สตาร์ (Black Star),  สีแดง เบิร์นนิ่ง เรด (Burning Red) และสีใหม่ ฟอร์จ คอปเปอร์ (Forged Copper) ขณะที่รุ่น PRO series ทั้ง PRO-4X และ PRO-2X  จะมี สีเทา สเตลท์ เกรย์ (Stealth Gray) เพิ่มเป็นทางเลือก 

การมาของนิสสัน นาวารา ใหม่ หลังเปิดตัวทำตลาดมาได้ระยะหนึ่ง ยอดขายยังคงลงล็อคเดิมอยู่ที่อันดับ5แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องทำคือเข็นยอดขายให้ได้ตามเป้าโดยใช้เครื่องมือคือการกระตุ้นตลาด หนึ่งในนั้นคือการจัดกิจกรรมเชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะเพื่อรายงานผลการทดลองขับให้   สาธารณชนได้รับรู้เพิ่มเติมจากการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ที่มีเป็นปกติอยู่แล้ว

กิจกรรมครั้งนี้นิสสันจัดทดสอบสมรรถนะ นิสสัน นาวารา ใหม่ ในสไตล์การผจญภัยสุด  ท้าทายภายในหนึ่งวัน จากกรุงเทพฯมุ่งหน้า ยอดเขาแด่น จังหวัดเพชรบุรี เพื่อบุกผ่านบททดสอบความแข็งแกร่งที่พัฒนาด้วยแนวคิด ‘กล้า…เพื่อคนแกร่ง (Driven by the Brave)’ เอกลักษณ์ใหม่ใช้เป็นตัวตนของ นิสสัน นาวารา ใหม่

การเดินทางเริ่มต้นจากใจกลางเมืองกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบุรี ผ่านเส้นทางการจราจรบนทางหลวงทั้งในเมือง และนอกเมือง เพื่อจะได้ทดสอบอัตราเร่งของเครื่องยนต์ YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร เทอร์โบคู่(เฉพาะรุ่นเกียร์อัตโนมัติ) กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (Ps) แรงบิดสูงสุดถึง 450 นิวตัน-เมตร เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด

ช่วงสถานการเส้นทางในเมืองแบบนี้ ไม่สามารถใช้ความเร็วสูงได้ ตรงกันข้ามกลับต้องใช้แรงบิดจากเครื่องยนต์ที่รอบเครื่องยนต์ต่ำมากกว่ากำลังแรงม้า ซึ่งเครื่องยนต์บล็อกนี้ตอบสนองได้ในช่วงสภาพการจราจรแบบนี้อัตราเร่งเบ่งกำลังตั้งแต่เริ่มต้นไปดีมีแรง การควบคุมพวงมาลัยที่การปรับปรุงให้มีน้ำหนักเบาลง 15 % รวมถึงปรับจูนรอบองศาการหมุนพวงมาลัยให้ลดลงเหลือ 3.4 รอบ(เดิม4.1รอบ) ประเด็นนี้เห็นได้ชัดว่าสามารถเพิ่มความคล่องตัวได้ดี 

ปรับจูนพวงมาลัยใหม่ให้กระชับ

เมื่อหลุดออกจากสภาพการจราจรช่วงถนนพระราม2 ความผ่อนคลายเริ่มสัมผัสได้จาก เทคโนโลยีความปลอดภัยภายใต้ชื่อ “Nissan Intelligent Mobility” ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนเมื่อเหนื่อยล้าจากการขับขี่ (Intelligent Driver Alertness), ระบบเทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง (Lane Departure Warning),เทคโนโลยีควบคุมรถเมื่อออกนอกช่องทาง (Intelligent Lane Intervention) ที่ช่วยดึงพวงมาลัยเบาๆให้กลับเข้าเลน ช่วงเวลาแบบนี้ที่เริ่มรู้สึกผ่อนคลายทำให้มั่นใจมากขึ้นที่จะทดสอบสมรรถณะเครื่องยนต์บนความเร็วสูง 

ระบบความปลอดภัยให้เยอะ

จากจุดเริ่มต้นว่าพอใจกับแรงบิดที่มีมาให้ใช้ในเมืองตั้งแต่รอบต่ำ กลับทำงานได้ดีในรอบเครื่องยนต์สูงบนความเร็วเดินทาง กว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไปอัตราเร่งทันใจมาไวกว่าที่คิด แม้จะจับคู่ส่งกำลังจากเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด เครื่องยนต์กับเกียร์ทำงานเข้ากันได้ลงตัว จุดนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับเทอร์โบคู่ หรือ ทวินเทอร์โบ(รถที่ได้ทดลองขับเป็นนิสสัน นาวารา PRO-4X ) ที่แบ่งภาระหน้าที่กันดีทั้งรอบเครื่องยนต์ต่ำและรอบเครื่องยนต์สูง ทั้งยังต้องปรบมือให้กับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ที่ต่อกำลังในแต่ละเกียร์ได้นิ่งเรียบไร้รอยกระตุก จนรู้สึกสับสนว่านี่มันเกียร์ CVT หรือเปล่า(ไม่นะไม่ใช้CVT) 

เกียร์ฉลาดเข้ากันได้ดีกับเครื่องยนต์ YS23DDTT เทอร์โบคู่

นอกจากจะได้สนุกกับอัตราเร่งและความเร็วเดินทาง(ที่มากกว่าปกติในบางช่วง)ยังมีโอกาสได้ลองใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ 4×4 (4WD) ที่สามารถเปลี่ยนจากการขับขี่แบบสองล้อ หรือ Two-wheel drive (2H) เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ Four-wheel drive ผ่าน Rotor Switch ที่บริเวณแผงคอนโซลกลาง พร้อมฟังก์ชัน shift-on-the-fly ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ทันทีขณะขับขี่ (จาก 2H เป็น 4H) ส่วน โหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบความเร็วต่ำ Low range four-wheel drive หรือ 4LO นั้นต้องจอดรถตั้งล้อตรงแล้วค่อยกดบิดปุ่มสั่งงาน4LO จนไฟสัญญลักษณ์ขับเคลื่อน 4 ล้อโชว์บนหน้าปัด

4LO-4H สั่งได้

และเมื่ออยู่ในโหมด 4LO นิสสันได้เพิ่มระบบ Off-Road Mode ช่วยเพิ่มมุมมองขณะขับขี่ไปข้างหน้าในโหมด พร้อมทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบบุคคลหรือวัตถุที่กล้องรอบคันจับการเคลื่อนไหวได้ โดยจะปรากฏบนหน้าจอกลาง 

เมื่อพูดถึงระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD) ก็ต้องลองของจริง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับการเดินทางของเราถึงช่วงที่ต้องขับขึ้นยอดเขาแด่น จังหวัดเพชรบุรี ระยะทางสั้นๆราว10 กว่ากิโลเมตรแต่มันไม่ใช่เส้นทางสัญจรปกติ เพราะในบางช่วงต้องใช้ระบบขับเคลื่อน 4LOเท่านั้นถึงจะมั่นใจว่าจะผ่านไปได้ 10 กิโลเมตรช่วงนี้ได้ลองทุกโหมดทุกระบบที่นิสสัน นาวารา PRO-4X มีมาให้ไม่ว่าจะเป็นระบบป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential (B-LSD), ระบบล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า Electronic Rear Locking Differential,เทคโนโลยีช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA)

และเทคโนโลยีควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC) แน่นอนว่ามันช่วยให้เราสามารถลุยขึ้นและลงเขาผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจ แม้จะต้องผ่านเส้นทางแบบไหนช่วงล่างที่เซ็ตสแตนดาร์ดมาจะไม่นุ่มนวลนักสำหรับถนนเรียบไฮเวย์ แต่กับสภาพเส้นทางออฟโรดแบบนี้ ระบบช่วงล่าง และระบบกันสะเทือนที่ปรับจูนใหม่ มันไปได้ดีกับรูปแบบเส้นทางอย่างนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ PRO-4X ที่ได้ยางติดรถเป็น All Terrain ในล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว เพิ่มความอุ่นใจมากกว่ายางเรเดียลได้ระดับหนึ่ง

ลองแล้วเล่า

นิสสัน นาวารา ใหม่ PRO-4X ที่ได้ขับยอมรับว่าถูกจริต กับผู้เขียนมากเพราะเป็นคนที่ชอบรถยนต์ที่เซ็ตช่วงล่างเฟิร์ม คำว่าเฟิร์มของผู้เขียนคือความหนึบออกไปทางแข็งซึ่งจะส่งผลดีเมื่อต้องใช้วิ่งความเร็ว จะไม่ชอบรถยนต์ช่วงล่านุ่ม แน่นอนวิ่งในเมืองแหละดี รวมถึงการออกแบบเติมหล่อ

นิสสัน นาวารา ใหม่ ได้ลงตัวกระจังหน้าที่เรียกว่า ‘Interlock’ ไฟหน้าแอลอีดี 4 ดวง รูปทรงสี่เหลี่ยม(Ice-Cube) แยกเป็นไฟสูง 2 ดวง ไฟต่ำ 2 ดวง พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน หรือ Daytime Running Lights  ส่วนไฟท้ายเป็นแอลอีดีแบบชิ้นเดียวที่แอบหลงเหลือทรงวีเชฟ ให้เห็นบริเวณไฟเบรก

ภายในห้องโดยสาร เติมความสะดวกสบายให้เบาะนั่งคู่หน้านวัตกรรม Zero Gravity ที่นั่งตอนหลังดูแล้วทันสมัย มีพักแขนฝังที่วางแก้วน้ำด้านหลัง ใส่ใจทุก แพลตฟอร์มความบันเทิงด้วย NissanConnect สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน (ผ่านระบบ Apple CarPlay และ Android Auto*) เข้ากับระบบสื่อสาร ระบบนำทาง และระบบเครื่องเสียง ควบคุมผ่านหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว

หรือผ่านระบบจดจำและสั่งการด้วยเสียง (Voice Recognition System) รวมถึงยังเพิ่มเติมความปลอดภัยให้อุ่นใจตลอดการเดินทาง ผ่านบริการ Connected Car Services ที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ TCU (Telematics Control Unit) ที่ติดตั้งภายในรถยนต์ และฟังก์ชันสำคัญต่าง ๆ อาทิ การแสดงพิกัดรถยนต์ สถานะรถยนต์ การช่วยเหลือฉุกเฉิน รวมถึงยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่อุปกรณ์ไฟฟ้าผ่าน USB Port (Type C) ในแผงควบคุมด้านหน้า 

โดยรวม กับการได้อยู่ด้วยกันทั้งวันระยะทางรวมกว่า 300 กิโลเมตร กับนิสสัน นาวารา ใหม่  PRO-4X ชอบใจตั้งแต่หน้าตาและสี(เทา)ของ PRO-4X ตั้งแต่ก่อนขับ ซึ่งหลังจากลองขับแล้ว สนุกมากกับอัตราเร่งที่สอดรับกันดีกับรอยต่อของแต่ละเกียร์ ทันใจไม่รอรอบ ตอบสนองทุกองศาอัตราเร่ง คือมันดูดีไปหมด(สำหรับผู้เขียน) ไม่อยากจะเชื่อว่า รถปิกอัพของนิสสันทำไมมียอดขายในประเทศไทยอยู่อันดับ 5

เพราะทั้งเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลังและช่วงล่าง เป็นการจัดชุดเข้ากันอย่างลงตัว ทั้งสมรรถนะและอรรถประโยชน์ ซึ่งเรียกได้ว่ากลมกล่อม หากแยกความคิดเห็นออกเป็นส่วนๆ ส่วนหนึ่งต้องยกนิ้วโป้งให้ฝ่ายวิศวกรรมการผลิตที่สร้าง นิสสัน นาวารา ใหม่ ออกมาได้ดี พร้อมกันนี้ต้องส่งไม้ต่อให้ฝั่งการตลาดว่าจะทำอย่างไรให้รถดีคันนี้ขายดี เพื่อตอบโจทย์ให้ได้ว่า”นิสสันทำรถดีแต่ทำไมมีคนซื้อน้อย” 

รีวิวทดลองขับ NISSAN NAVARA GALLERY