มาสด้าแจ้งยอดปีงบประมาณ 2019 ขาย 51,702 คันมาสด้า2 ยังขายนำ

มาสด้าแจ้งยอดปีงบประมาณ 2019 ขาย 51,702 คันมาสด้า2 ยังขายนำ

ข่าวรถยนต์

ทีมข่าว incarsmagazine

กรุงเทพฯ 14 เมษายน 2563

บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยความสำเร็จการดำเนินธุรกิจประจำปีงบประมาณ 2019 หรือ Fiscal Year 2019 ซึ่งสิ้นสุดเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ด้วยยอดขายรถยนต์ใหม่กว่า 52,000 คัน โดยเฉพาะมาสด้า2 ยังฮอตสุด ด้วยยอดขายสูงเกือบ 37,000 คัน ครองเบอร์หนึ่งรถเก๋งเล็ก 3 ปีติดต่อกัน ตามติดมาด้วย Mazda3 ยอดขายเกือบ 5,000 คัน และที่กำลังมาแรงมากที่สุดคือ CX-30 และ CX-8 จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของมาสด้า 

เพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่ทันสมัยมากที่สุด ให้สมรรถนะแรงขับขี่ที่เร้าใจแต่ประหยัดน้ำมัน ประกอบกับการออกแบบดีไซน์ที่เน้นความเรียบง่ายแต่คงความงดงาม จนสามารถก้าวขึ้นแท่นความเป็นที่สุดของยนตรกรรมชั้นนำที่สามารถครองใจลูกค้าชาวไทยและคนทั่วโลก ปีนี้เตรียมกลยุทธ์เด็ดมากยิ่งขึ้น เพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้วยการบุกตลาดรถครอสโอเวอร์และลุยตลาดรถปิกอัพ ชูกลยุทธ์การบริหารงานแบบครบวงจร เปิดเกมรุกการสื่อสารและการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ SKY booking ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น มุ่งเป้ายอดขายรวมที่ 60,000 คัน

ความสำเร็จของมาสด้าในปีงบประมาณ 2019 (ระหว่างเดือนเมษายน 2562 – มีนาคม 2563) ที่ผ่านมาว่า แม้ตลาดรถยนต์ในช่วงปีที่ผ่านมาจะมีการแข่งขันที่สูงมาก อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกรอบทิศทาง แต่มาสด้าก็ยังสามารถทำยอดขายรวมได้ถึง 51,702 คัน ขยายตัวลดลง 27% ครองส่วนแบ่งการตลาด 5.5% ในขณะที่อุตสาหกรรมโดยรวมลดลง 11% ด้วยตัวเลข (ประมาณการ) อยู่ที่ 944,000 คัน 

สรุปยอดขายรถยนต์มาสด้าประจำปีงบประมาณ 2019 อยู่ที่ 51,702 คัน แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลด้วยจำนวนที่สูงถึง 41,035 คัน โดย Mazda2 ยังคงมาแรงฮิตต่อเนื่องด้วยยอดขายเกินกว่าครึ่งเป็นจำนวนถึง 36,260 คัน ตามมาด้วยรถเก๋ง Mazda3 อีกจำนวน 4,775 คัน ในขณะที่รถปิกอัพบีที-50 โปร ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กันด้วยยอดขายกว่า 4,679 คัน ส่วนรถยนต์อเนกประสงค์ตระกูล CX Series อันได้แก่ รถยนต์ครอสโอเวอร์ CX-5, CX-3 และ CX-8 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2562 ก็ยังคงฮิตติดตลาดและมียอดขายรวมทั้งสิ้นกว่า 5,966 คัน และสุดท้ายรถยนต์ MX-5 รถสปอร์ตเปิดประทุนแบรนด์ไอคอนระดับตำนานของมาสด้า มียอดขายรวมอีก 22 คัน

สถานการณ์ตลาดรถยนต์ไตรมาสแรกของปี 2563 แม้จะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออุตสหกรรมในภาพรวม โดยเฉพาะจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจเป็นวงกว้างอย่างเห็นได้ชัดเจน ส่งผลต่อภาพรวมด้านเศรษฐกิจในปีนี้เกิดการชะลอตัวลง แต่รถยนต์มาสด้ายังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า อันเนื่องมาจากการวางแผนกลยุทธ์การตลาด และการยกระดับมาตรฐานการให้บริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้น ล้วนทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ จึงทำให้มาสด้าสามารถปิดยอดขายในไตรมาสแรกสูงถึง 10,152 คัน

โดยรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยังคงความแรงด้วยยอดขายรวม 7,678 คัน นำโดยมาสด้า2 ด้วยยอดขาย 6,733 คัน และมาสด้า3 จำนวน 945 คัน ตามมาด้วยรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร มียอดขายรวม 667 คัน ในส่วนรถอเนกประสงค์มียอดขายรวมที่ 1,805 คัน ซึ่งรถยนต์ CX-8 ครอสโอเวอร์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าแบบครอบครัว ก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีโดยมียอดขายรวมมาเป็นอันดับหนึ่งในเซ็กต์เมนต์นี้ จำนวน 575 คัน ตามมาติดด้วย CX-5 จำนวน 467 คัน ที่ร้อนแรงสุดเพิ่งเปิดตัวได้เพียงเดือนเดียว คือ CX-30 มียอดขายในเดือนแรกสูงถึง 441 คัน ส่วน CX-3 ครอสโอเวอร์น้องเล็กสุด จำนวน 322 คัน  และรถสปอร์ตเปิดประทุน MX-5 จำนวน 2คัน

สำหรับทิศทางเศรษฐกิจในปีนี้ว่า แม้ว่าจะยังมองไม่เห็นทิศทางที่สดใส อันเนื่องมาจากการชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศและทั่วโลก ซึ่งเป็นผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งทางด้านอุตสาหกรรม ภาคการส่งออก และการท่องเที่ยว ซึ่งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะชะลอตัวลงและต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น มากกว่าที่ประเมินไว้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เรายังมีความหวังว่าด้วยแรงสนับสนุนจากมาตรการต่างๆ ของทางภาครัฐที่จะเข้ามาช่วยบรรเทาปัญหาด้านสภาพคล่องทางการเงิน และจากความร่วมแรงร่วมใจกันจากทุกภาคส่วนเชื่อว่าจะช่วยประคับประคองให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้

สำหรับกลยุทธ์มาสด้าในปี 2563 นี้ มาสด้าจะยังคงเดินหน้าสื่อสารวิสัยทัศน์ Sustainable zoom-zoom 2030 ที่มุ่งมั่นในการแก้ปัญหาเพื่อให้โลกของเรายังคงสวยงามและเพื่อให้ผู้คนและสังคมน่าอยู่ เนื่องในปีนี้เป็นปีที่ Mazda Motor Corporation ครบรอบ 100 ปี เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ทางมาสด้ายังคงเตรียมความพร้อมในการจัดกิจกรรมมากมายตลอดทั้งปี ที่สำคัญมาสด้าจะยังคงมุ่งมั่นในการมองไปถึงอีก 100 ปีข้างหน้า พร้อมสานต่ออุดมการณ์ในการให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก โดยยึดมั่นในแนวคิด “การสร้างสรรค์ระหว่างความเป็นเอกลักษณ์ของพวกเราร่วมกับผู้อื่น” และจะยังคงท้าทายความสามารถและศักยภาพของตนเองต่อไป เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์อันเป็นความปรารถนาของลูกค้า เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าทุกคนจนเกิดเป็นความผูกพันต่อไปในระยะยาว

ด้านกลยุทธ์ทางผลิตภัณฑ์ มาสด้าวางแผนงานเพื่อพิ่มศักยภาพการทางการแข่งขัน ด้วยการเตรียมเปิดตัวทั้งรถยนต์โมเดลรุ่นใหม่ๆ  และไมเนอร์เชนจ์ตลอดทั้งปีงบประมาณ 2563 โดยเฉพาะการบุกตลาดรถครอสโอเวอร์เอสยูวีและตลาดรถปิกอัพ ทั้งจากตระกูล CX Series และจากรถปิกอัพ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและเพิ่มความคุ้มค่าให้กับรถยนต์มาสด้ามากยิ่งขึ้น ทั้งยังเพิ่มความครอบคลุมทั้งรถยนต์นั่งและรถยนต์อเนกประสงค์ ให้ตรงกับสิ่งที่ลูกค้ามองหามากที่สุด

ในปีที่ผ่านมามาสด้าให้ความสำคัญในเรื่องของการให้บริการหลังการขาย โดยเฉพาะการปรับภาพลักษณ์ของโชว์รูมต่างๆ ที่แล้วเสร็จ 100% ไปเมื่อปลายปี 2562 ซึ่งลูกค้าได้สัมผัสภาพลักษณ์ที่แปลกใหม่และโดดเด่นของโชว์รูมมาสด้าในทุกแห่ง สำหรับปีนี้ มาสด้ามุ่งเน้นกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ Mazda Digital Platform เป็นหลัก 

เนื่องจากเราได้เล็งเห็นว่าสื่อออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทที่สำคัญกับวิถีชีวิตของมนุษย์อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้เราได้พัฒนาแพล็ตฟอร์มของเราให้เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วและสามารถรองรับการใช้งานได้ 100% เราเชื่อว่าการมุ่งเน้นการสื่อสารออนไลน์นี้ จะสามารถช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพและเข้าถึงทุกความต้องการของลูกค้าในแต่ละบุคคลได้ดียิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านี้ เรายังมุ่งเน้นการจำหน่ายรถยนต์ผ่านช่องทางออนไลน์ SKY booking อีกด้วย ซึ่งวิธีการเหล่านี้จะทำให้สามารถวางแผนการผลิตได้ดี ช่วยอำนวยความสะดวกและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ การให้บริการและคุณภาพหลังการขายถือเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญอย่างมาก เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น รวมถึงด้านอะไหล่และการจัดส่ง ที่มาสด้าได้ปรับราคาให้มีความใกล้เคียงหรือถูกกว่าท้องตลาด และอำนวยความสะดวกรวดเร็วให้ลูกค้าด้วยการจัดส่งอะไหล่ไปยังศูนย์บริการ 2 รอบต่อวัน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และ 1 รอบต่อวันในต่างจังหวัด ซึ่งส่วนนี้จะช่วยทำให้ลูกค้ามั่นใจขึ้นว่า เราจะอำนวยความสะดวกและใส่ใจดูแลลูกค้าไปตลอดระยะเวลาที่ได้ครอบครองรถยนต์มาสด้า จนเกิดเป็นความผูกพันระยะยาวกับแบรนด์

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกลยุทธ์ของมาสด้ารถยนต์พรีเมียมสัญชาติญี่ปุ่น ที่จะมาเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์ในปี 2563 และมาสด้าพร้อมเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง เพื่อจะให้รถยนต์มาสด้าได้เข้าไปครองใจลูกค้าชาวไทย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน