ทดลองขับ NEW MAZDA CX-8 รุ่นปี 2022 ตอน หาดใหญ่-เบตง-หาดใหญ่

ทดลองขับ NEW MAZDA CX-8 รุ่นปี 2022 ตอน หาดใหญ่-เบตง-หาดใหญ่

รีวิวรถยนต์ใหม่

โดย.เตมีย์ ลิ้มตระกูล

หาดใหญ่-เบตง 15-16 สิงหาคม 2565

Mazda CX-8 เปิดตัวพร้อมเปิดราคาครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 ไฮไลท์ของการเปิดตัวในครั้งนั้น คือการวางตำแหน่งตัวเองที่เป็นครอสโอเวอร์อเนกประสงค์เอสยูวี ระดับพรีเมียมแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง และ 6 ที่นั่ง (ในรุ่น 2.2 XDL Exclusive 4WD ) ไว้แถวบนของตารางความหรูหราตามมาตรฐานยานยนต์ญี่ปุ่น ซึ่งเทียบเท่ารถยนต์ฝั่งยุโรป โดยมี 4 รุ่นย่อย 2 เครื่องยนต์ ให้เลือกคือ(ในตอนนั้น)

รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2 รุ่น

2.5 S   2WD    1,599,000 บาท  (7 ที่นั่ง 2-3-2)

2.5 SP 2WD   1,699,000 บาท  (7 ที่นั่ง 2-3-2)

รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2 รุ่น

2.2 XDL                 2WD   1,899,000 บาท  (7 ที่นั่ง 2-3-2)

2.2 XDL Exclusive 4WD  2,069,000 บาท   (6 ที่นั่ง 2-2-2)

จากตารางราคาจะเห็นว่าราคาในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินทั้ง 2 รุ่นสามารถเข้าทำเนียบเทียบชนกับ Honda CR-V Nissan X-Trail ก็ได้ หรือจะแทรกแซงแย่งตำแหน่งกับ SUV กลายพันธุ์จากพื้นฐานรถกระบะไม่ว่าจะเป็น Toyota Fortuner , Ford Everest , Nissan Terra และ Mitsubishi Pajero Sport ได้สบายในเส้นทางการไปไม่โหดนัก 

การมาของ Mazda CX-8 มาพร้อมกับข้อสงสัยว่าไม่ไปแย่งลูกค้า Mazda CX-5 มาหรือ?     คำตอบคือใช่! แต่ไม่ทั้งหมดเพราะลูกค้าที่เลือกใช้ Mazda CX-5 กลุ่มนี้มีความรู้สึกว่า Mazda CX- 5 มีความใหญ่โตมากพอแล้วสำหรับพวกเขาเพราะมาสด้าวางตำแหน่งกลุ่มลูกค้า Mazda CX-5 ว่าเป็นกลุ่มครอบครัวคนรุ่นใหม่ไปกัน 3-5 คน แต่กับ Mazda CX-8 นั้น มาสด้าสร้าง เซ็กเม้นต์ความต้องการใหม่(วางกลุ่มลูกค้าใหม่)คือกลุ่มที่ต้องการรถอเนกประสงค์หรือที่เรียกรวมว่าเอสยูวีที่หรูหราขึ้นมาอีกระดับมีที่นั่งมากพอ (3 แถว 7 ที่นั่ง และ 6 ที่นั่ง) เพื่อนำพาทุกคนในครอบครัวเดินทางไปพร้อมๆกัน (ร่วมถึงคุณตาคุณยาย) 

จากนั้นในเดือน ตุลาคม 2564 ราวสองปีถัดมา มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) เติมไลน์อัพให้กับ Mazda CX-8 ด้วยการเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 SP Exclusive แบบ 6 ที่นั่ง มาพร้อมที่นั่งแถว ที่สอง Captain Seat แยกอิสระซ้าย-ขวา สามารถปรับเอน และเลื่อนหน้า-หลังได้ พร้อมคอนโซลกลาง ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของครอบครัว ด้วยราคา 1,639,000 บาท พร้อมกับปรับราคา 2 รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 S และ 2.5 SP ลง 1 แสนบาท รวมถึงรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล XDL ส่วนในรุ่นท๊อปครื่องยนต์ดีเซล XDL EXCLUSIVE ยังราคาคงเท่าเดิม 

รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 3 รุ่น

2.5 S   2WD   1,499,000 บาท (7 ที่นั่ง 2-3-2)

2.5 SP 2WD   1,599,000 บาท  (7 ที่นั่ง 2-3-2)

2.5 SP 2WD   1,639,000 บาท  (6 ที่นั่ง 2-2-2)

รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2 รุ่น

2.2 XDL                2WD   1,799,000 บาท  (7 ที่นั่ง 2-3-2)

2.2 XDL Exclusive 4WD  2,069,000 บาท  (6 ที่นั่ง 2-2-2)

ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ขยับปรับไลน์อัพ Mazda CX-8 อีกครั้งด้วยการเติมความคุ้มค่าให้กับครอสโอเวอร์อเนกประสงค์เอสยูวี ดี เซกเมนต์ พรีเมียมรุ่นนี้อีกครั้งไม่ว่าจะเป็น

  • ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC แบบ Stop & Go ที่ได้รับการพัฒนาและติดตั้งในรถมาสด้า CX-8 ใหม่เป็นรุ่นแรก และระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันที่ล้ำสมัย i-Activsense รอบคัน
  • กระจังหน้าแบบใหม่สี Gun Metallic และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 19 นิ้ว 
  • 2 สีใหม่ สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ และสีเทา โพลีเมทัล เกรย์
  • อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger และรองรับ Apple CarPlay® แบบไร้สาย และ Android AutoTM 
  • มีระบบ GVC Plus ในทุกรุ่นย่อย
  • หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า
  • ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี 
  • 3 ทางเลือกของห้องโดยสาร ให้พื้นที่กว้างขวาง มอบความสะดวกสบายกว่าเดิม
  • ข้อเสนอ ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ สำหรับเช็กระยะ หรือ Mazda Care 5 ปี3

ซึ่งเสริมเติมให้กับระบบความปลอดภัยจากรุ่นเดิมที่มีมาให้เต็มพิกัดอยู่แล้วทั้งระบบความปลอดภัย i-Activsense ที่มาพร้อม NEW MAZDA CX-8 ประกอบด้วย

  • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาในขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert)
  • ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (Smart Brake Support)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (Lane-keep assist System)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Alert)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Control)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring)
  • ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน (Lane Departure Warning System)
  • ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive LED Headlamps)
  • ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง (Smart City Brake Support-Reverse)
  • ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart City Brake Support)
  • ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC แบบ Stop & Go (Mazda Radar Cruise Control with Stop & Go)

พร้อมกับเพิ่มราคาจำหน่าย ทั้ง 5 รุ่นย่อย

รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 3 รุ่น

2.5 S   2WD   1,549,000 บาท (7 ที่นั่ง 2-3-2)

2.5 SP 2WD   1,619,000 บาท  (7 ที่นั่ง 2-3-2)

2.5 SP 2WD   1,699,000 บาท  (6 ที่นั่ง 2-2-2)

รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2 รุ่น

2.2 XDL                 2WD   1,849,000 บาท  (7 ที่นั่ง 2-3-2)

2.2 XDL Exclusive 4WD   2,119,000 บาท  (6 ที่นั่ง 2-2-2)

มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี โดยสีใหม่ล่าสุด คือ สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz) และสีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray), และยังมี สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal)**, สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray)**, สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black), สีน้ำเงิน ดีพ คริสตัล บลู (Deep Crystal Blue) และ สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl) สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล เพิ่มราคา 10,000 บาท สีเทา แมชชีน เกรย์ เพิ่มราคา 15,000 บาท สีแดง โซล เรด คริสตัล เพิ่มราคา 17,000 บาท

หลังการเปิดตัวแนะนำและเปิดรับจองอย่างเป็นทางการ สิ่งที่ มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ต้องทำต่อคือการบอกกล่าวให้ผู้ใช้รถยนต์หรือลูกค้าของมาสด้ารับทราบถึงข้อมูลรายละเอียดต่่างๆของตัวรถ ผ่านช่องทางสื่อต่างๆที่สามารถให้ข้อมูลได้มากกว่าการโฆษณา โดย incarsmagazine.com เป็นอีกสื่อหนึ่งที่มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ไว้วางใจให้เราได้ร่วมทริปทดลองขับเพื่อรับรู้ถึงสมรรถนะตลอดจนความสนุกสนาน สะดวกสบายที่ได้จาก ครอสโอเวอร์อเนกประสงค์เอสยูวี ดี เซกเมนต์ พรีเมียม ที่ชื่อว่า MAZDA CX-8 รุ่นปี 2022 คันนี้ การเดินทางเพื่อทดลองขับเพื่อพิสูจน์สมรรถนะ MAZDA CX-8 รุ่นปี 2022 ทริปนี้ใช้ระยะเวลา 2 วัน 1 คืน เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ สนามบินดอนเมือง บินลัดฟ้ามาลงอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย 

ทริปการเดินทางทดลองขับเริ่มต้นขึ้นที่โชว์รูมมาสด้า ชูเกียรติยนต์ หาดใหญ่ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 7 มุ่งหน้าจังหวะปัตตานีผ่านไปจังหวัดยะลา สู่จุดหมายปลายทางที่อำเภอเบตงระยะทางรวมประมาณ 270 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง(คำนวนจาก Google Maps) โดยคณะของเราออกเดินทางจาก โชว์รูมมาสด้า ชูเกียรติยนต์ หาดใหญ่ เวลา 10:30 หากอ้างอิงการคำนวนเวลาการเดินทางจาก Google Maps เราจะถึงอำเภอเบตงประมาณ 15:30 น. แต่หากดูจากกำหนดการของเรานั้น คณะของเราที่เดินทางไปด้วย MAZDA CX-8 รุ่นปี 2022 ในรูปแบบคาราวานด้วยจำนวนรถกว่า 10 คัน รวมถึงกำหนดการของเรายังแน่นเอี๊ยดด้วยจุดแวะพักแวะชม แน่นอนว่า เกิน 4 ชั่วโมงอย่างแน่นอน กลัวแต่ว่าจะถึงอำเภอเบตงค่ำซะก่อน เพราะเรามีจุดแวะพักแวะชมสถานที่อีกหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ อุโมงค์มงคลฤทธิ์ แลนด์มาร์คของเมืองเบตง เชิญโดดขึ้นมานั่งบนเบาะ Captain Seat แยกอิสระซ้าย-ขวา เดินทางไปกับพวกเราพร้อมร่วมกันลุ้นว่าเราจะทันแสงสุดท้ายที่ อุโมงค์มงคลฤทธิ์ หรือไม่ 

เช้าวันแรกบนแผ่นดินภาคใต้ตอนล่างจาก โชว์รูมมาสด้า ชูเกียรติยนต์ หาดใหญ่ คาราวาน MAZDA CX-8 รุ่นปี 2022 ยังคงทำเวลาได้ดี จากอัตราเร่งของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 2.2 ลิตร (Skyactiv-D 2.2) เทอร์โบแปรผัน 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันถึง 17.5 กม./ลิตร และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.5 ลิตร (Skyactiv-G 2.5) 194 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 258 นิวตัน-เมตร 

เราใช้เวลาประมาณ 30 นาที แวะเที่ยวชมศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ประวัติความเป็นมาของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวกันมาบ้าง ตามตำนานเล่าว่าลิ้มกอเหนี่ยวเป็นสาวชาวจีนจากเมืองฮกเกี้ยน ซึ่งเกิดในช่วงสี่ถึงห้าร้อยปีมาแล้วนางเดินทางลงเรือสำเภามายังเมืองปัตตานี เพื่อตามพี่ชายชื่อลิ้มโต๊ะเคี่ยมให้กลับไปหามารดาที่ชราภาพที่บ้านเกิด แต่ได้พบความจริงว่าพี่ชายของตนได้แต่งงานกับธิดาพระยาตานีแล้วเข้ารับราชการในจวนเจ้าเมือง และได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม จึงไม่สามารถกลับไปยังเมืองจีนพร้อมนางได้ ลิ้มกอเหนี่ยวจึงได้ผูกคอตายที่ต้นมะม่วงหิมพานต์ ดังสัจวาจาที่กล่าวไว้กับมารดาว่า “หากตามพี่ชายกลับไปหามารดาไม่ได้จะไม่ขอมีชีวิตอยู่ต่อไป” ลิ้มโต๊ะเคี่ยมผู้เป็นพี่ชายจึงได้ฝังศพของนางไว้ที่ฮวงซุ้ยที่      หมู่บ้านกรือเซะนอกเมืองปัตตานี 

กล่าวขานกันว่าดวงวิญญาณของนางได้แสดงอิทธิฤทธิ์เป็นที่เลื่องลือในหมู่ชาวบ้านทั่วไป พอมีผู้มาขอพรให้โชคลาภก็ได้ผล หรือแม้แต่การค้าขายที่ซบเซาหรือขาดทุนก็กลับรุ่งเรืองขึ้น จนทำให้เกิดความนับถือศรัทธาอย่างมาก ชาวปัตตานีจึงได้นำต้นไม้ที่ลิ้มกอเหนี่ยวผูกคอตายมาแกะสลักเป็นรูปบูชาและสร้างศาลเจ้าขึ้นสักการะ สำหรับองค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตา   โชคลาภ ค้าขาย ซึ่งเป็นที่นิยมมากราบไหว้ของพรเพื่อเป็นศิริมงคลกับชีวิต สมาชิกคาราวาน MAZDA CX-8 กว่า 40 ชิวิต ใช้เวลาอยู่ที่ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว พร้อมเสี่ยงโชคเลข 63 อันเป็นเลขที่ตั้งของศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ติดมือมาคนละคู่สองคู่ 

ก่อนจะกลับมาสลับปรับประจำตำแหน่ง MAZDA CX-8 คันที่ผู้เขียนใช้เป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 SP 2WD   1,699,000 บาท  (6 ที่นั่ง 2-2-2) ห้องโดยสารแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง Captain seat แยกอิสระซ้าย ขวา (Captain seats with center walk-through (6-Seat) ที่สามารถเดินเชื่อมได้ถึงเบาะนั่งแถวที่สาม และห้องโดยสารแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง Captain seat ปรับไฟฟ้า (Power captain seats (6-Seat) พร้อมคอนโซลกลาง ความกว้างขวางจากการออกแบบที่ทำให้ที่นั่งสบายในทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะเบาะนั่งคู่หน้ามีระบบระบายอากาศที่ช่วยระบายอากาศและความชื้น เมื่อทำงานร่วมกับระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 

ช่วยสลายระบายเหงื่อและกลิ่นควันธูปได้ดีทำให้เรากลับมาผ่อนคลายและสดชื่นอีกครั้ง ก่อนเดินทางต่อไปยัง มัสยิดกรือเซะ ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 30 นาที ซึ่งการถอยออกจากลานจอดรถศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวที่ปริมาณผู้ศรัทธามากมายเช่นนี้ ผู้โดยสาร 5 คนในที่นั่ง 6 ที่อุ่นใจได้ในสถานการณ์นี้ ด้วยระบบความปลอดภัยทั้งแบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Active Safety) อาทิ ระบบแสดงภาพ 360° รอบทิศทาง พร้อมมุมกล้องในแบบ Top View ผ่านหน้าจอ Center Display ขนาด 8 นิ้ว รวมถึงระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุดและด้านหลัง 4 จุด 

เกือบ 12: 00 น. เราเดินทางถึง มัสยิดกรือเซะ หรือ มัสยิดสุลต่านมูซัฟฟาร์ชาห์ เป็นมัสยิดเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี ในจังหวัดปัตตานี ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองปัตตานี ห่างจากตัวเมืองประมาณ 6 กิโลเมตรสันนิษฐานได้ว่าเป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 22 ร่วมสมัยกรุงศรีอยุธยา มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มัสยิดปิตูกรือบัน ชื่อนี้เรียกตามรูปทรงของประตูมัสยิด ซึ่งมีลักษณะเป็นวงโค้งแหลมแบบโกธิคของชาวยุโรป และแบบสถาปัตยกรรมของชาวตะวันออกกลาง รูปลักษณะเป็นอาคารก่อสร้างด้วยอิฐปูน เสาทรงกลมเลียนรูปลักษณะแบบเสาโกธิคของยุโรป ช่องประตูหน้าต่างมีทั้งแบบโค้งแหลมและโค้งมนแบบโกธิค โดม และหลังคายังก่อสร้างไม่เสร็จ อิฐที่ใช้ก่อมีรูปลักษณะเป็นอิฐสมัยอยุธยา ตรงฐานมัสยิดมีอิฐรูปแบบคล้ายอิฐสมัยทวารวดีปะปนอยู่บ้าง

ราว 13:30 น. เราเพิ่งจะได้ทานข้าวเที่ยงกันที่ ภัตตาคาร ลอนดอน จังหวัดปัตตานี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก มัสยิดกรือเซะ เมนูส่วนใหญ่เป็นอาหารสไตล์จีนฮกเกี้ยน เมนูขึ้นชื่อคือ แฮ่กึ๊น ที่ว่ากันว่าไม่กินไม่ได้เราใช้เวลาเกือน1ชั่วโมง(ต้องรีบกินเพื่อทำเวลา)คาราวาน MAZDA CX-8 ล้อหมุนออกจาก ภัตตาคาร ลอนดอน สภาพเส้นทางช่วงนี้เริ่มเป็นทางคดโค้งไต่ระดับความสูงห่างจากระดับน้ำทะเลขึ้นไปเรื่อยๆ ในช่วงการเดินทางช่วงนี้ผู้เขียนต้องนั่งเป็นผู้โดยสารในแถวที่ 3 (งานเข้าแล้วอิ่มข้าวมาใหม่ๆด้วย) เพื่อแวะเยี่ยมชมอุโมงค์ปิยะมิตร 

ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าที่นั่งแถวที่ 3 สำหรับผู้เขียนที่มีส่วนสูง 173 เซ็นติเมตร สามารถนั่งได้จริง แถมช่องว่างระหว่าง Captain seat สามารถวางขาเหยียดเท้าได้สุดปลายเท้า ทำให้ตำแหน่งท่านั่งโดยสารตลอดเส้นทางคดเคี้ยวไต่ขึ้นลงหนีระดับน้ำทะเลบนหุบเขาเบตง เกือบ 3 ชั่วโมง (ระยะทาง 170 กิโลเมตร) ขอบคุณ ช่วงล่าง และระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่ขั้นสูง GVC Plus ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยี SKYACTIV-Vehicle Dynamics ระบบนี้จะช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล โดยเฉพาะในทางโค้งอย่างหุบเขาเบตงแห่งนี้

ไฮไลท์ของที่นี่จะมีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ปิยะมิตร ซึ่งจะรวบรวมของเก่าที่มีการใช้งานในสมัยนั้นมาสะสมไว้มากมายครับ อีกหนึ่งไฮไลท์ก็คืออุโมงค์ที่ถูกขุดเข้าไปในภูเขา อุโมงค์นี้ขุดเมื่อปี 2519 โดยใช้กำลังคน 45-50 คน ใช้เวลาในการขุดเพียง 3 เดือน มีทางเข้าออกอุโมงค์ 9 ทาง แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 6 ทาง ซึ่งจะเชื่อมต่อกันหมด อุโมงค์มีความกว้างประมาณ 50-60 ฟุต ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ภายในสามารถจุคนได้เกือบ 200 คน 

ภายในอุโมงค์ก็จะทำเป็นห้องเล็กๆ แต่ละห้องก็จะมีวัตถุประสงค์แตกต่างกันออกไป เช่นห้องนอน ห้องเก็บเสบียง สถานีวิทยุ ภายในอุโมงค์อากาศเย็นสบาย มีการติดไฟให้แสงสว่างตลอดเส้นทาง

ไฮไลท์สุดท้าย จะเป็นต้นไทรยักษ์ หรือชาวบ้านแถวนี้เรียกกันว่า ต้นไม้พันปี วัดโดยรอบได้ 60.8 เมตร สูง 40 เมตร ต้นไทรยักษ์นี้ ถูกจัดให้เป็นรุกขมรดกของแผ่นดินใต้ร่มพระบารมี เราใช้เวลาที่นี่ราว 1 ชั่วโมง

จึงออกเดินทางต่อด้วยเพราะเราต้องการถึงตัวเมืองเบตงก่อนค่ำ(ย้ำ) แต่คาราวานของเรายังพอมีเวลาเหลือ(ใครบอก)แวะถ่ายรูปกันที่ ด่านพรมแดนเบตง ที่นี่เป็นด่านชายแดนไทย-มาเลเซียซึ่งไม่ไกลจากอุโมงค์ปิยะมิตรนัก

ทั่วบริเวณนี้เป็นพื้นที่ในหุบเขาปกคลุมไปด้วยหมอกที่อุดมไปด้วยความชื้น รวมถึงใจสมาชิกทุดคนในคาราวาน NEW MAZDA CX-8 รุ่นปี 2022 ก็เริ่มใจชื้น เพราะทราบข้อมูลว่าจาก ด่านพรมแดนเบตง เดินทางจากอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ เพียงราว 10 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20 นาที่

สภาพเส้นทาง จากด่านพรมแดนเบตง ด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย ย้อนออกจากทางหลวง 4244 วนกลับมาใช้ทางหลวงหมายเลข 410 เริ่มคลายความคดเคี้ยวเพราะเรากำลังลดระดับลงสู่   พื้นราบกลางหุบเขาของเมืองเบตง ในที่สุด คาราวาน NEW MAZDA CX-8 รุ่นปี 2022 เราเดินทางถึง อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ ใกล้เคียงกับเวลาพระอาทิตย์ตก คาราวาน NEW MAZDA CX-8 รุ่นปี 2022 ทุกคันได้ขับลอด อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ สมใจ ในเวลาพระอาทิตย์ตก ผ่านแสงไฟในอุโมงค์ ซึ่งสวยงามไปอีกแบบ

อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ เป็น อุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของประเทศไทย สร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้สัญจรไปมา รวมถึงเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองเบตง ขึ้นโครงสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดกว้าง 9 เมตร สูง 7 เมตร และมีความยาวตลอดอุโมงค์ประมาณ 273 เมตรเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2544 จากนั้นเราเช็คอิน เข้าพักที่โรงแรมแกร์นดแมนดาริน Grand Mandarin Betong ซึ่งอยู่ใกล้กับ อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ เพียงเดินข้ามถนน 

ค่ำคืนในเบตงเมืองเล็กๆที่อบอุ่นอบอวลไปด้วยอารยธรรมผสมผสาน บริหารจัดการแบบปกครองพิเศษสุดชายแดนประเทศไทย นอกจาก อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง ยังมีหอนาฬิกาเบตง,ไนท์บาซ่าเบตง,ตู้ไปรษณีย์เบตง ให้แวะเช็คอินถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซึ่งจะสวยเป็นพิเศษในเวลากลางคืน เราผ่านค่ำคืนที่เบตงด้วยความประทับใจ……ราตรีสวัสดิ์…เบตง

เช้าวันรุ่งขึ้น ภาระกิจคาราวาน NEW MAZDA CX-8 รุ่นปี 2022 จะออกเดินทางเบตงย้อนเส้นทางเดิมสู่อำเภอหาดใหญ่ ในระหว่างเส้นทาง เราพอมีเวลาแวะ สกายวอร์คอัยเยอร์เวง แลนด์มาร์คอีกแห่ง ของเบตง สกายวอร์คอัยเยอร์เวง มีความสูง 2,038 ฟุต จากระดับน้ำทะเล แขวนอ่บนตัวอาคาร 6 ชั้น จุดพื้นที่เดินชมวิวผ่านสะพานแขวนยื่นออกไปจากตัวอาคาร ปลายสะพานเป็นพื้นกระจกใส สามารมองเห็นด้านล่าง จุดนี้คือจุดขายให้นักท่องเที่ยวได้ตื่นเต้นหวาดเสียวกันพร้อมชมวิวทะเลหมอก สกายวอร์คอัยเยอร์เวง สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี หมอกจะหนาจัดในช่วงเช้าตั้งแต่ช่วงเช้ามืด จนถึงช่วงสาย ๆ เมื่อฟ้าเปิดสามารถมองเห็นป่าฮาลา บาลา และมองได้ไกลถึงมาเลเซีย

ก่อน เดินทางต่อเพื่อนมัสการหลวงปู่ทวด วัดราษฎร์บูรณะ หรือ วัดช้างให้ ตั้งอยู่ที่ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปี ตามตำนานกล่าวว่า พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองใหม่ให้กับน้องสาว จึงได้เสี่ยงอธิษฐาน ปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า โดยมีเจ้าเมืองและไพร่พลเดินติดตามไป จนมาถึงวันหนึ่ง ช้างได้หยุดอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง แล้วร้องขึ้นสามครั้ง พระยาแก้มดำจึงได้ถือเป็นนิมิตที่ดี 

จึงใช้บริเวณนั้นสร้างเมือง แต่น้องสาวไม่ชอบ พระยาแก้ดำจึงให้สร้างวัด ณ บริเวณดังกล่าวแทน แล้วให้ชื่อว่า วัดช้างให้ แล้วนิมนต์พระภิกษุรูปหนึ่ง ที่ชาวบ้านเรียกว่า ท่านลังกา หรือ สมเด็จ   พะโคะ หรือ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด มาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก ท่านได้เดินธุดงค์ไปมาระหว่างเมืองไทรบุรีกับวัดช้างให้

และได้สั่งลูกศิษย์ไว้ว่าถ้าท่านมรณะภาพขอให้นำศพไปทำการฌาปนกิจ ณ วัดช้างให้ ซึ่งเมื่อท่านมรณะภาพที่เมืองไทรบุรี ลูกศิษย์ก็ได้นำศพท่านมาทำการฌาปนกิจที่วัดช้างให้ อัฐิของท่านส่วนหนึ่งฝังไว้ที่วัดช้างให้ อีกส่วนหนึ่งนำกลับไปเมืองไทรบุรี ต่อมาได้สร้างสถูปบรรจุอัฐิของท่านไว้ที่วัด

ก่อนคาราวานNEW MAZDA CX-8 รุ่นปี 2022 ของเราะจะ บอกลา ไว้ที่ NEW MAZDA CX-8 รุ่นปี 2022  โชว์รูมมาสด้า ชูเกียรติยนต์ หาดใหญ่ จากนั้นเดินทางไปสนามบินหาดใหญ่เช็คอินตั๋วโดยสารพร้อมฝากท้องมื้อเย็นที่สนามบิน ก่อนออกเดินทางถึงสนามบินดอนเมืองโดยสวัสดิภาพ ขอบคุณ มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) และทีมทำงานทุกท่าน สำหรับทริปทดลองขับที่น่าประทับใจครั้งนี้…รวมถึงสมรรถณะที่ดีของ NEW MAZDA CX-8 รุ่นปี 2022 ที่พามาเก็บระยะความประทับใจกว่า 600 กิโลเมตรครั้งนี้

Mazda CX8 คาราวานหาดใหญ่-เบตง GALLERY