รีวิวรถยนต์ใหม่
กรุงเทพฯ 4 มีนาคม 2564
โดย.จุฑามาศ สุภณชัย
เมื่อพูดถึงรถยนต์ MG ในประเทศไทยต้องกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ถึงจะเรียกได้ว่าไม่ตกหล่น ไทม์ไลน์รถยนต์ MG มีความน่าสนใจเริ่มตั้งแต่แจ้งเกิดเปิดขายรถยนต์ได้หลายรุ่นในบ้านเรามากว่า 7 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ MG 3 และ MG ZS ที่สามารถแทรกเข้าไปแชร์มาร์เก็ตจากอีโคคาร์ได้อย่างน่าแปลกใจ แม้ว่าจะเป็นการประกาศสงครามด้านราคาก็เถอะ
รวมถึงการสร้างมาตรฐานด้านราคาใหม่ให้กับวงการรถยนต์ไฟฟ้าโดยการเป็นตัว MG ZS EV รถยนต์พลังงานไฟฟ้าราคาล้านต้นๆ ก่อนที่ล่าสุดเปิดตัวรถกระบะรุ่นแรกของตัวเอง มาในคอนเซปต์ “MG EXTENDER กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง” ตามด้วยการเปิดตัว MG HS ราคาเริ่ม 919,000 – 1,119,000 บาท พร้อมขายวันที่ 28 กย.2562 หลังเปิดตัว 6 เดือน(พฤษภาคม 2563) MG HS มียอดขายทั่วประเทศ สูงถึง 3,776 คัน
ติดอันดับรถคอมแพคครอสโอเวอร์ หรือ C-SUV ขายดีที่สุดในตลาด คิดเป็น 27% ของยอดขายรวม MG HS เป็น C-SUV ที่เข้ามาแทรกช่องความต้องการรถยนต์ SUV ในตลาดเมืองไทยไปอีกขั้นและเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าด้วยการออกแบบที่พิถีพิถันภายใต้แนวคิด “ELEGANCE”ลบรอยต่อช่องว่างด้านราคาที่ยังมีลูกค้าที่ต้องการรถยนต์พิกัดประเภทนี้แต่ติดที่ค่าตัว แน่นอนว่าเมื่อ MG HS เปิดราคามาเท่านี้ ตลาด SUV จะเริ่มเข้าทางของ MG
ก่อนกระหน่ำย้ำตลาดจัดเซอร์ไพรส์ ให้สื่อมวลชนสานยานยนต์ได้สัมผัสและทดลองขับ NEW MG HS PHEV เอสยูวี Plug-in Hybrid รถยนต์พลังงานทางเลือกแบบลูกผสมเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้าที่รับและจ่ายพลังงานจากแบตเตอรี่ก่อนจะเปิดตัวพร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยวันที่ 27 ตุลาคม MG HS PHEV พัฒนาขึ้นจากพื้นฐานของ MG HS ที่มีมิติตัวถัง ความยาว 4,574 มม., กว้าง 1,876 มม., สูง 1,664 มม. ระยะฐานล้อ 2,720 มม. มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้านด้านพลังงานขับเคลื่อนโดยผสาน 2 ระบบขับเคลื่อนเข้าด้วยกัน ทั้งเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า ออกแบบมาเพื่อเป็นยานยนต์แห่งยุค
NEW MG HS PHEV ขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid มีพละกำลังสูงสุด 284 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร จากขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor
ที่ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร มีระบบเกียร์แบบ EDU II – 10 Speeds ที่ใช้เวลาเปลี่ยนเกียร์เพียง 0.2 วินาที ตอบสนองได้อย่างทันใจ และเพิ่มความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น สามารถทำอัตราเร่ง0-100 ภายในเวลา 7.5 วินาที มาพร้อมรูปแบบการขับขี่ถึง 5 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Normal โหมด Eco โหมด EV และโหมด Sport เสริมด้วยปุ่ม Super Sport
แบตเตอรี่ใน NEW MG HS PHEV เป็นแบตเตอรี่ Lithium-Ion แบบ 6 โมดูล ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ขั้นสูง โดยมีขนาดใหญ่ถึง 16.6 kWh ทำให้มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพในการสะสมพลังงานได้มากกว่าจึงวิ่งได้นานขึ้น รวมถึงการทำระยะทางได้มากขึ้น โดยสามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% สูงสุดถึง 67 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคโนโลยีในมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Hairpin Design
ทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถดึงสมรรถนะของการส่งกำลังและลดอัตราการสูญเสียพลังงานได้ดียิ่งขึ้น พร้อมระบบระบายความร้อนแบบ Coolant ซึ่งดีกว่าระบบระบายความร้อนแบบปกติ ทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นใจและปลอดภัยในการขับขี่ด้วยแบตเตอรี่ที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก AMERICAN UL2580 และผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น
เส้นทางที่จะได้ทดสอบวิ่งในเมือง ประมาณ 63 กิโลเมตร เน้นการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยเริ่มสตาร์ทกันที่ CDC วิ่งไปร้านกาแฟสุดฮิป Nana Hunter Coffee ระยะทาง 29 กิโลเมตร สำหรับการทดสอบช่วงนี้จะให้ใช้งานในโหมด EV อย่างเดียวช่วงแรกรับบทเป็นผู้โดยสารแถวหลัง ภายในของ NEW MG HS PHEV
ตกแต่งห้องโดยสารภายในด้วยสี 2-Tone เบาะหนังคู่หน้าแบบ Sport Bucket Seat ตกแต่งด้วยวัสดุ Alcantara เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง เพิ่มความเป็นส่วนตัวในห้องโดยสารด้วย NVH Luxury Silence Space เพิ่มฟิล์มกันเสียง และแผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสาร
ที่จะช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอก พร้อมหลังคาซันรูฟที่เปิดกว้างแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) บนพื้นที่เกือบ 90% ของพื้นที่หลังคา จอแสดงผลอัจฉริยะ Full Virtual Dashboard ขนาด 12 นิ้ว และจอควบคุมกลางแบบทัชกรีนขนาด 10 นิ้ว ระบบเสียง BOSE 8.1 Sound System พร้อมสร้างบรรยากาศและสีสันให้กับการขับขี่ด้วย Interactive Ambient Light ที่สามารถปรับเฉดสีได้มากถึง 64 เฉดสี
ช่วงที่ 2 เป็นการเดินทางจากร้าน Nana Hunter Coffee มาร้านอาหารบ้านดุสิตธานี ระยะทาง 18 กิโลเมตร ก็ยังคงใช้โหมด EV อย่างเดียว การเดินทางสำหรับช่วงนี้ได้เจอกับสถานการณ์รถติดจริง แต่ NEW MG HS PHEV ก็ยังทำหน้าที่ได้ดีและประหยัด ความแรงก็ไม่ได้ลดลงเลย
มาถึงช่วงที่ 3 แอดมินรับบทเป็นผู้ขับขี่ จากร้านอาหารบ้านดุสิตธานี กลับมายัง CDC ระยะทาง 18 กิโลเมตร พอเริ่มจับพวงมาลัยก็ได้ตรวจดูระบบที่ทาง MG ได้บรีฟเมื่อช่วงเช้า NEW MG HS PHEV มีระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย (Full Space Frame) และระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System กว่า 25 ระบบ โดยแบ่งออกเป็นระบบความปลอดภัย เชิงป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุที่ช่วยทั้งเรื่องระบบเบรก
และช่วยรักษาเสถียรภาพในการขับขี่ จำนวน 14 ระบบ และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance System (ADAS) หรือระบบช่วยควบคุมการ ขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ จำนวน 11 ระบบ
สำหรับระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance System (ADAS) ถือเป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ระดับที่ 2 (Partial Automation) โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้
กลุ่มระบบที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา RDA (Rear Drive Assist)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
กลุ่มระบบเตือนและควบคุมให้รถอยู่ในเลน LAS (Lane Assist System)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
กลุ่มระบบที่ช่วยในการขับขี่ FDA (Front Drive Assist)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
แต่แอดมินไม่ได้ใช้หมดเพราะเป็นช่วงที่มีการปรับแผนเดินทางกลับให้ใช้เส้นทางบนทางด่วนแทนการวิ่งด้านล่างเพราะเป็นช่วงวันจ่ายตรุษจีน กลับมาช่วงการขับขี่ บอกได้เลยว่าเจ้า NEW MG HS PHEV ถ้าได้เหยียบคันเร่งเมื่อไหร่ ความแรงจะพุ่งขึ้นทันที เรียกว่าแรงมาก็แรงกลับแถมประหยัดเงินในกระเป๋าด้วย
ผลการทดสอบ MG HS PHEV จากการขับขี่จากสื่อมวลชน ในรถทดสอบ ทั้ง 8 คัน
– เส้นทางทดสอบแบบใช้งานจริงภายในเมือง (รถค่อนข้างเยอะ / ความเร็วเฉลี่ย 23.63 กิโลเมตร / ชม.) (ระยะทางทดสอบเฉลี่ยรวมจากทุกคัน 73.06 กม. )
– อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ของรถที่ใช้ EV Mode และ AUTO Mode สลับแบบการใช้งานทั่วไป ใน 2 ช่วงแรก 56.69 กม./ ลิตร (อัตราสิ้นเปลือง 45.40-142.0 กม./ ลิตร)
– อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เฉลี่ยรวมของรถทดสอบทั้ง 8 คัน / บางคันมีการขับขี่ทุกโหมด อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 27.95 กม./ลิตร (วิ่งปกติไม่ 35.70 กม./ลิตร )
– ระยะทางที่รถสามารถวิ่งได้ด้วย EV Mode เฉลี่ยรวม 60.67 กม. (คันที่สามารถวิ่งได้ไกลสุด 68.6 กม.)
- ปริมาณใช้น้ำมันเชื้อเพลิงต่อคัน เฉลี่ย 1 ลิตร 800 ซีซี. / วัน
NEW MG HS PHEV มีสีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีขาว Arctic White โดยมีสีภายในแบบ 2-Tone Monaco Blue ในขณะที่ตัวถังสีแดง Scarlet Red และสีดำ Black Knight จะมาพร้อมการตกแต่งภายในสีดำ ราคา 1,359,000 บาท สำหรับแคมเปญพิเศษที่จะได้รับ
- ดอกเบี้ย 1.89%
- ฟรี MG HOME CHARGER จำนวน 1 ชุด
- ฟรี ค่าบำรุงรักษาพร้อมอะไหล่ตามระยะนาน 5 ปี
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง 1 ปี
- การประกันแบตเตอรี่ 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
รีวิวลองขับ New MG HS PHEV GALLERY